|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย รับมือจีนยุคใหม่ที่พัฒนาสินค้าเน้น 2 กลยุทธ์ “ราคาถูก-ไฮเทคโนโลยี” ชี้ไทยควรปรับตัวแปรรูปสินค้าเป็นกึ่งวัตถุดิบ พร้อมชวนคนจีนร่วมทุนในสินค้าดาวเด่น ได้แก่ทำโรงงานยางพารา-ผลิตแป้งมันสำปะหลัง-สารหวานเพิ่มมูลค่าก่อนส่งออก เตือนระวัง! คนจีนตั้งบริษัทในไทยส่งออกสินค้าเองที่แนวโน้มมีมากขึ้น
นโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของจีน โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับวิสาหกิจทุนต่างประเทศ ที่รัฐบาลจีนเน้นให้นักลงทุนต่างชาติถ่ายทอดเทคโนโลยีกับบริษัทร่วมทุนที่เป็นของจีน ส่วนจีนเองก็ยอมลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อเทคโนโลยีทันสมัยจากต่างประเทศ ในสินค้าสำคัญ ๆ ที่โดดเด่นก็คือมีการจ้างนักออกแบบจากอิตาลีเพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุด แสดงถึงทิศทางการตลาดของประเทศจีนที่ชัดเจนว่า ไม่เพียงแต่สินค้าจีนจะมีจุดเด่นที่ค่าแรงต่ำ แต่อนาคตจีนจะเป็นเจ้าแห่งสินค้าไฮเทคโนโลยีที่ผู้ค้าขายจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งออกหรือนำเข้าจากจีน ต้องปรับตัว...
เชื่อจีนยุคใหม่ไม่กระทบไทย
สมพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ในด้านการค้าการลงทุนของจีน ได้แบ่งออกเป็น 2 ภาคที่สำคัญได้แก่ จีนภาคตะวันตก และจีนภาคตะวันออก ซึ่งจีนภาคตะวันตกนั้นเป็นภาคที่เหมือนกำลังพัฒนา ที่ค่าแรงยังต่ำ ทำให้สินค้าที่ผลิตจากภาคนี้มีจุดเด่นที่มีราคาถูกจากต้นทุนที่ต่ำ
ขณะเดียวกันในภาคตะวันออกของจีน เป็นภาคที่มีการปรับตัวเรื่องเทคโนโลยีอย่างมาก เพราะเน้นสินค้าส่งออกไปขายในตลาดโลก มีการปรับค่าแรงงานให้สูงขึ้น ฉะนั้นต้นทุนของสินค้าจะมากกว่าทางภาคตะวันตกของจีนเล็กน้อย ฉะนั้นจึงเชื่อว่าแม้จีนจะเน้นการมีเทคโนโลยีการผลิตที่สูงขึ้นและทันสมัยขึ้น แต่จุดขายของสินค้าจีนยังคงอยู่ที่ราคาถูก
ทั้งนี้มองว่าการปรับตัวของจีนเรื่องนี้จะไม่กระทบกับประเทศไทยมากนัก เนื่องจากประเทศไทย ลักษณะการทำการค้าขายกับจีนนั้น มีลักษณะที่จีนจะซื้อวัตถุดิบจากไทยเพื่อนำไปผลิตสินค้า สินค้าสำคัญไทยส่งออกไปจีนได้เป็นจำนวนมากจึงได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าว ส่วนสินค้าสำเร็จรูป กระทั่งสินค้ากึ่งสำเร็จรูป จากสถิติแล้วไทยส่งไปจีนกลับน้อยมาก ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว โดยควรเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ประเภทวัตถุดิบให้เป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปก่อนส่งไปจีน
เพิ่มมูลค่าส่งออก-แปรรูปสินค้ากึ่งวัตถุดิบ
“จีนต้องการสินค้าวัตถุดิบจากไทย สินค้าวัตถุดิบจึงเป็นสินค้าที่มีอนาคตที่จะส่งไปจีน เพราะไทยผลิตได้เท่าไรก็ไม่พอ แต่แทนที่เราจะส่งแค่วัตถุดิบ เราควรที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า เช่นจะเป็นไปได้ไหมที่ไทยจะชวนคนจีนมาร่วมทุนผลิตยางสำเร็จรูปในเมืองไทย ให้เขามาช่วยขายสินค้าให้เรา ลงทุนในไทย ค่าแรงให้คนไทย ส่วนไทยดูแลเรื่องซื้อวัตถุดิบป้อนโรงงาน”
ส่วนมันสำปะหลังนั้น จีนนำเข้าจากไทยเพื่อไปผลิตสินค้า 2 ประเภทได้แก่ เอทานอล และทำแป้งมันสำปะหลัง เพื่อผลิตกระดาษ และผลิตสารหวานในอาหาร ตรงนี้ผู้ประกอบการไทยแทนที่จะส่งเป็นมันเส้นเพื่อไปผลิตเป็นแป้งมันในจีน เราก็ควรทำโรงงานและผลิตแป้งมันหรือทำสารหวานส่งไปจีน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า อีกทั้งสำหรับผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องหาวิธีเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพราะปัจจุบันมันสำปะหลังมีผลิตผลต่อไร่ต่ำมากคือ ประมาณ 3 ตันต่อไร่ ควรเพิ่มเป็น 7-15 ตันต่อไร่
“จีนเพาะปลูกสินค้าพวกนี้ไม่ได้เพราะภูมิอากาศไม่อำนวย ไทยเราจึงมีจุดเด่นด้านสินค้า ไทยต้องรีบทำโรงงานแปรรูปสินค้าให้เป็นกึ่งสำเร็จรูปแล้วส่งไปจีน ชิงแต้มเวียดนาม มาเลย์ และอินโดนีเซีย”
นอกจากนี้ ขอแนะนำว่าผู้ประกอบการไทย หากต้องการทำธุรกิจกับจีน ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีอนาคตไกล เพราะคนจีนมีจำนวนมาก ถ้าชวนเขามาเที่ยวเมืองไทย แค่ปีละ 5 แสนคน ก็ทำรายได้มหาศาลให้กับเมืองไทยแล้ว
R&Dน้อย-ไทยไม่พร้อมแข่งเทคโนฯ
ส่วนด้านเทคโนโลยี ไทยไม่เหนือกว่าจีน ทุนไทยก็น้อยกว่าจีน การจะไปแข่งด้านเทคโนโลยีคงเป็นไปได้ยาก เพราะไทยเองก็ต้องซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศ จีนแทนที่จะซื้อไทย เขาก็ไปซื้อแหล่งผลิต และมีการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมา อีกทั้งในการผลิต เนื่องจากมีทุนสูง จีนก็ผลิตจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ ไทยจึงไม่สามารถจะไปแข่งกับจีนโดยตรงได้ แต่คำถามก็คือว่าทำอย่างไร ไทยถึงจะอยู่ตรงกลางได้ แบบลอยตัว ที่สำคัญก็คือต้องเอาจีนมาลงทุนสินค้าที่เมืองไทย ส่วนไทยเราเองก็ต้องส่งสินค้ากึ่งสำเร็จรูปไปขายให้มากขึ้น
“ปัญหาของบ้านเรา คือทุนวิจัย R&D มีน้อย บริษัทใหญ่ ๆ ก็ไม่เน้นด้าน R&D เช่น ปูนซีเมนต์ ปตท. เมื่อทุนน้อย เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ไม่เกิด”
อันตราย!จีนตั้งบริษัทส่งออกสินค้าไทย
นอกจากนี้ จากการที่ EXIM BANK มีบทบาทในการปล่อยกู้ให้กับบริษัทต่าง ๆ ก็เห็นอันตราย เพราะในการส่งสินค้าวัตถุดิบไทยไปจีน แทนที่จะบริษัทไทยเป็นผู้ส่งออก แต่กลับเป็นคนจีนมาตั้งบริษัทในไทยแล้วส่งออกไปจีน และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จุดนี้จะทำให้ไทยเสียโอกาส ตรงนี้ต้องเร่ง
|
|
|
|
|