|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
*ศึกโปรโมชั่นมือถือลดคันเร่ง "เอไอเอส" ส่งสัญญาณแตะเบรกโปรโมชั่น 3-1-1-0 ลง หลังต้องเติมเม็ดเงิน 9,240 ล้านแก้ปัญหาคุณภาพเครือข่าย
* เอไอเอสสงวนท่าที ลุยโปรโมชั่น "ราคา" ต่อหรือไม่ ต้องจับตามองหลังเดือนกรกฎาคมศกนี้หลังเครือข่ายเสร็จ
* ส่วนดีแทคลดความเร่งโปรโมชั่นเช่นกัน หันหาโปรโมชั่นสไตล์เฉพาะตัว "พอดี"
* ทรู มูฟยังความคุ้มค่าต่อ ผสานจุดขาย "คอนเวอร์เจนซ์" ดึงลูกค้า
ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เดือนที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่ง ต้องตบะแตกเดินหน้าเปิดโปรโมชั่นเหนือความคาดหมายที่ผู้นำจะกล้าลงมาเล่น หลังจากที่ผู้ตามอย่างบริษัท โทเทิ่ล แอ็ด หรือดีแทคกับบริษัท ทรู มูฟ จำกัดหรือ "ทรู มูฟ" ต่างกระหน่ำโปรโมชั่น "ราคา" มาตั้งแต่ปีกลางปีที่แล้ว ด้วยโปรโมชั่น "3 1 1 0"
ผลของการเปิดโปรโมชั่นดังกล่าว ส่งผลให้เกิดภาวะเน็ตเวิร์ก "เดี้ยง" โทรเข้า-ออกไม่ได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น ผู้ใช้เครือข่ายเอไอเอสนั้นเอง
โปรโมชั่นดังกล่าวก่อให้เกิดพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์แนวใหม่ "โทร.โดยไม่วางสาย" ส่งผลให้ประสิทธิภาพการให้บริการของโครงข่ายตกลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเมื่อมีการโทร.ข้ามเครือข่ายด้วยแล้ว อัตราความสำเร็จในการโทรสำเร็จหรือซัสเซสฟูล คอลล์
"แต่เดิมอัตรากาการโทร.สำเร็จข้ามเครือข่ายในช่วงออฟพีคอยู่ประมาณ 96% ลดลงเหลือ 92% แต่ช่วงพีคกลับเหลือเพียง 21.5% หรือเฉลี่ยที่ 57.8% จากเดิมที่อัตราการโทร.สำเร็จข้ามเครือข่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 95%"วิเชียร เมฑตระการ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังถึงปัญญาที่เกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการเปิดสงครามโปรโมชั่นของเอไอเอส
สิ่งที่เกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าว ประการแรก คือ ความไม่เชื่อมั่นในแบรนด์ "เอไอเอส" ที่เดิมเคยเป็นพรีเมียมแบรด์ ผู้ใช้บริการเสียค่าใช้จ่ายในการโทร.ที่สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นแต่ได้คุณภาพของเครือข่ายที่ดีกว่า และครอบคลุมกว่า
ประการที่สอง มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยรวมที่ถูกมองว่า มัวแต่แย่งชิงผู้ใช้บริการกันเข้าระบบแต่คุณภาพการให้บริการกลับไม่ดีพอ
ปัญหาดังกล่าวได้เดินทางมาถึงจุดที่ทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือกทช. เรียกบริษัทเอกชนทั้ง 3 รายประกอบด้วยเอไอเอส ดีแทคและทรู มูฟ รวมถึงบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมกันหาทางออก "ปัญหาโทร.ไม่ติด" ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา จนได้ข้อยุติที่จะมีการลงทุนขยายเครือข่ายที่เชื่อมเข้าหากันว่า ทุกฝ่ายจะขยายเครือข่ายของตนเพิ่มขึ้น
"วิเชียร เมฆตระการ" ผู้บริหารที่ดูแลโครงข่ายของเอไอเอสได้ออกมาบอกว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการโทร.ติดยากในการใช้บริการโครงข่ายของเอไอเอส ทางฝ่ายบริหารได้เสนอแผนการลงทุนพิเศษเพื่อขยายคเรือข่ายจำนวน 231 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 9240 ล้านบาทเพื่อขยายขีดความสามารถและคาปาซิตี้ของเครือข่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายวงจรเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับดีแทค และเอไอเอสกับทรู มูฟเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ผญหาโทร.ในเครือข่ายและการโทร.ข้ามเครือข่ายไม่ติด
"เดิมการคำนวณเรื่องคาปาซิตี้ของเครือข่ายของเอไอเอสอยู่ที่การรองรับผู้ใช้บริการได้ทั้งหมด 18.3ล้านเลขหมาย โดยมีอัตาการใช้งานในระดับปกติเฉลี่ยทั้งเครือข่ายประมาณ 2.5 นาทีต่อครั้ง แต่วันนี้เอไอเอสได้ปรับสูตรในการคำนวณด้วยการเพิ่มอัตราการใช้งานในระดับปกติเฉลี่ยทั้งเครือข่ายเพิ่มเป็น 4.5 นาทีต่อครั้ง โดยรองรับผู้ใช้บริการได้ 33 ล้านเลขหมายเท่าเดิม ซึ่งงบที่เสนอไปนั้นจะนำมาลงทุนในเรื่องนี้"
วิเชียรยังบอกอีกว่า สมมติว่า หากอัตราการใช้งานในเครือข่ายลงมาสู่ระดับเดิม ที่ 2.5 นาทีต่อครั้งโดยเฉลี่ย คาปาซิตี้ของเครือข่ายที่เอไอเอสมีอยู่จะสามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ถึง 33 ล้านเลขหมาย
การลงทุนในครั้งนี้ของเอไอเอสนอกจากจะเน้นไปที่การเพิ่มความสามารถรองรับการใช้งานหรือคาปาซิตี้ที่มากกว่าที่จะเน้นการขยายสถานีฐานที่ได้ขยายเพิ่มไปก่อนหน้านี้แล้ว 1,444 สถานีฐานในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งใช้เงินลงทุนในครั้งนั้นประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เงินลงทุนใหม่นี้อีกส่วนหนึ่งทางเอไอเอจะนำไปขยายวงจรเชื่อมต่อตรงกับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยให้การใช้งานเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่า ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ การใช้งานจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โทร.ภายในเครือข่ายเดียวกันสำเร็จ 96% โทร.ข้ามเครือข่ายสำเร็จประมาณ 80-90% จากเดิมที่สามารถโทร.ได้เพียง 57.8% เท่านั้นในช่วงที่มีปัญหา"
ปัจจุบัน เอไอเอสมีวงจรเชื่อมต่อตรงกับดีแทคจำนวน 601 E1 โดยที่ 1 E1 รองรับการใช้งานได้ 30 คู่สายพร้อมกัน และจะเพิ่มเป็น 882 E1 ภายในเดือนมิถุนายนนี้และเพิ่มอีก 440 E1 ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้รวมแล้วเอไอเอสจะมีวงจรเชื่อมต่อตรงกับดีแทคประมาณ 1,322 E1 ส่วนการเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับทรู มูฟ จากเดิมที่ไม่เคยมีการเชื่อมต่อตรงระหว่างกัน โดยภายในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเชื่อมต่อตรง 444 E1 และเพิ่มอีก 440 E1 ในเดือนกันยายนศกนี้ รวมแล้วจะมีวงจรเชื่อมต่อตรงระหว่างเอไอเอสกับทรู มูฟจำนวน 884 E1
"เชื่อว่าหลังโปรโมชันเรียลที่คิด 3-1-1-0 หมดในสิ้นเดือนกรกฏาคมจะทำให้สถานการณ์โทร.ข้ามเครือข่ายในเดือนส.ค.ดีขึ้น และจะเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากการขยายวงจรเชื่อมต่อตรงดังกล่าวเสร็จสิ้น ผมเชื่อว่าเครือข่ายเอไอเอสจะกลับมามีคุณภาพดีเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่การเพิ่มขึ้นทันทีแบบข้ามคืน แต่จะค่อยๆ ดีขึ้น" วิเชียรกล่าวถึงสถานการณ์เครือข่ายที่จะเปลื่ยนไป
ถอยหนึ่งก้าว
นอกเหนือจากที่เอไอเอสทุ่มเม็ดเงินทางด้านเครือข่ายเพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายแล้ว เอไอเอสยังได้ชะลอสงตรามโปรโมชั่น "ราคา" ลง จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ เอไอเอสออกแพกเกจ "เรียล" ที่ให้ลูกค้าโทร.ได้นาน 24 ชั่วโมง โดยเสียแค่ 5 บาท หรือในอัตรานาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 1 บาท นาทีที่ 3 คิด 1 บาทหลังจากนั้นฟรีจนกว่าจะวางสาย "3-1-1-0" ซึ่งเป็นชนวนต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรม "โทร.ไม่วางสาย" ที่ถือสายแช่ไว้ทั้งวันโดยครอบครองช่องสัญญาณโทรศัพท์มือถือในระบบจีเอสเอ็มที่ถูกออกแบบให้มีการเวียนกันใช้งานตามระยะเวลา จนทำให้ผู้ใช้บริการหมายเลขอื่นไม่สามารถจองช่องสัญญาณใช้งานต่อไม่ได้
ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวยอมรับว่า การตัดสินใจใช้กลยุทธ์ เรื่องราคาอย่างหนักช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเพื่อดึงผู้ใช้บริการรายใหม่นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อผู้ใช้บริการรายเก่าที่เลือกใช้ระบบเอไอเอส ที่มีจุดแข็งด้านโครงข่ายที่ดีที่สุด หากเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งการลงทุนด้านโครงข่ายเพิ่มนั้น ถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่จะทำให้จุดแข็งเดิมของเอไอเอสกลับคืนมา และกลับเข้าสู่การเป็นผู้ให้บริการระดับพรีเมียมเหมือนเดิม
"ทางเอไอเอสตัดสินใจหยุดโปรโมชั่นนาที ละ 0 บาท หรือคิดราคาครั้งละ 5 บาท ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ โดยเสนออัตราค่าบริการใหม่ สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายนถึงวันที่ 4 กรกฏาคม ซึ่งแพกเกจนี้สามารถใช้งานได้ 4 เดือนโดยอัตราค่าบริการจะมีการแบ่งเป็นช่วงเวลาพีค กับออฟพีคในระบบพรีเพด
โดยช่วงออฟพีคระหว่างเที่ยงคืนถึงบ่าย 2 โมงจะคิดค่าบริการชั่วโมงละ 3 บาท ส่วนช่วงพีคตั้งแต่บ่าย 2 โมงจนถึงเที่ยงคืน คิดค่าบริการ 3-2-1 หรือนาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 2 บาท นาทีต่อๆ ไปคิดนาทีละ 1 บาทจนกว่าจะเลิกโทร. ส่วนโปรโมชั่นโพสต์เพดก็ยังเป็นแพกเกจเดิม คือ ช่วงออฟพีคระหว่างเที่ยงคืนถึงบ่าย 2 โมงจะคิดค่าบริการ 3 บาท นาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 คิด 1 บาท นาทีที่ 3 คิด 1 บาท นาทีต่อไปไม่คิดค่าใช้จ่ายจนกว่าจะเลิกโทร. ส่วนช่วงพีคจะคิดอัตรานาทีแรก 3 บาท นาทีต่อๆ ไปคิดนาทีละ 1 บาทจนกว่าจะเลิกโทร.
"ในด้านการตลาด เอไอเอสยังใช้เรื่องคุณภาพเครือข่ายเป็นจุดแข็งในการทำตลาดต่อไป ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องเครือข่ายบ้าง แต่เชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ปัญหาจะถูกแก้ได้เรียบร้อย และทำให้เครือข่ายไอเอสกลับไปมีคุณภาพดีเหมือนเดิม"
ฐิติพงศ์ เขียวไพศาลบอกว่า แพกเกจใหม่ของพรีเพดเป็นความพยายามทำให้เรื่องราคากลับมาอยู่ในภาวะสมดุลย์มากที่สุด การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงส่งผลกระทบกับบริการที่เน้นประสิทธิภาพของเอไอเอสเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เอไอเอสยังขยายฐานตลาดของสวัสดี ลงไปรากหญ้ามากขึ้นด้วยโปรแกรม สวัสดีทั่วไทย ด้วยการลดราคาซิมการ์ดเหลือเพียง 50 บาทและขยายระยะเวลาการใช้งานเพียงเติมเงิน 50 บาทก็อยู่ได้นานถึง 50 วันแต่ค่าบริการนาทีละ 5 บาท
โปรโมชั่นสไตล์แฮปปี้
ทางด้านคู่แข่งเบอร์สองอย่าง "ดีแทค"ก็ชะลอความแรกการออกโปรโมชั่นของตนเองลงมา
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทคเคยบอกว่า ดีแทคพร้อมจะปรับรูปแบบการแข่งขันในด้านอื่นๆ มากกว่าเน้นเรื่องราคาต่ำมากๆ อย่างช่วงสงครามราคาที่ผ่านม าแต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งโปรโมชั่นราคาประหยัดเพื่อสนองตอบลูกค้าบางกลุ่มด้วย ทั้งนี้ดีแทคจะรอเอไอเอสและทรู มูฟปรับราคาขึ้นก่อนเพราะทั้งคู่ยังมีบางส่วนเหลืออยู่
โปรโมชั่นในระบบพรีเพด "แฮปปี้" ล่าสุดสำหรับผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ที่เป็นซิมแฮปปี้ ซิมเฮฮาและซิมรุ่นเล็กถึงสิ้นเดืนอมิถุนายนได้รับสิทธิถึง 3 ส่วน ส่วนแรกคิดค่าโทร.ครั้งละ 3 บาทนาน 4 เดือน ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึง 4 โมงเย็น นอกช่วงเวลาคิดค่าโทรนาทีแรก 5 บาทต่อไปนาทีละ 25 สตางค์ คิดค่าโทร.เป็นวินาที ส่วนที่สอง โทร.ฟรีทุกวันอาทิตย์ตลอด 24 ชั่วโมงนาน 1 เดือน และส่วนสุดท้าย รับค่าโทร.ฟรีสูงสุด 450 บาท แบ่งเป็นรับทันที 50 บาทวันใช้งาน 30 วัน เมื่อเปิดใช้บริการ สำหรับซิมรุ่นเล็กได้ถึง 60 วัน และรับอีก 100 บาทไม่เพิ่มวันทุกๆ 3 เดือนรวม 400 บาทต่อปี
ส่วนในระบบโพสต์ดเพด ดีแทคได้เสนอแพกเกจ "แซด" โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการโทร.หากันภายในเครือข่ายดีแทคเอง ด้วยการศึกษาจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของลูกค้าที่พบว่ากลุ่มวัยรุ่นก่อนวัยทำงานและกลุ่มที่กำลังก้าวสู่วัยทำงานมีพฤติกรรมการใช้งานที่คล้ายคลึงกันคือกว่า 70% ของการใช้งานจะเป็นการโทร.หาเพื่อนหรือคนสนิทประมาณ 5 เบอร์ อีกทั้งเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มในการเลือกใช้เครือข่ายเดียวกันหากได้รับค่าโทรที่คุ้มค่าและเครือข่ายที่สามารถรองรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพโดย "แซด" ใหม่มีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 299 บาทต่อเดือน สามารถโทรฟรีไปยัง 5 เลขหมายในระบบเครือข่ายดีแทคทั้งแบบจดทะเบียนและแฮปปี้แบบเติมเงิน ตลอด 24 ชั่วโมง โทรข้ามเครือข่ายคิดค่าโทร 2 นาทีแรกนาทีละ 3 บาท นาทีถัดไปคิดนาทีละ 25 สตางค์
ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทคบอกว่า วันนี้ดีแทคได้เสนอแนวทางบรรเทาปัญหาการโทรข้ามเครือข่ายด้วยโซลูชั่น ซึ่งเป็นทางออกสำหรับวันนี้ให้กับผู้ใช้บริการที่ไม่อยากพลาดการติดต่อสำคัญ โดยจัดให้ลูกค้าสามารถโทรหา 5 คนสนิทฟรีตลอด 24 ชั่วโมง บนเครือข่ายประสิทธิภาพที่ดีแทคมั่นใจ
ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า โปรโมชั่นของดีแทคในช่วงนี้หวนกลับคืนสู่โปรโมชั่นสไตล์ของตัวเอง ที่เน้นความ "พอดี" มีความสุขในการโทร. ซึ่งถือเป็นจุดขายที่ทำให้ดีแทคก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์สองที่ใกล้เบอร์หนึ่งอย่างเอไอเสไม่ห่างเหมือนแต่ก่อน
ขณะที่ "ทรู มูฟ" ยังคงสานต่อเรื่องความคุ้มค่าในการโทร.ในราคาประหยัด โดยเฉพาะจุดขายเรื่องของคอนเวอร์เจ้นท์ทางด้านเทคโนโลยี ที่จะเสนอราคาไม่แพงแต่มีโปรโมชั่นบริการอื่นแถมมาให้ โปรโมชั่นล่าสุดของทรู มูฟในช่วงนี้ ในระบบพรีเพด ทรู มูฟเสนอแพกเกจ "จ่ายน้อยกว่าใช้โปรโมชั่นได้นานกว่า" คิดค่าโทร.ชั่วโมงละ 1 บาท ทุกเบอร์ทั่วไทยจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคมศกนี้ ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 5 โมงเย็น นาทีแรก 3 บาท นาทีต่อไปนาทีละ 1 บาท โทรภายในเครือข่ายทรู มูฟ คิดชั่วโมงละ 1 บาทถึง 15 มกราคมปีหน้า โทรครั้งละ 3 บาทนอกเหนือเครือข่าย ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า โดยผู้ใช้จะต้องจดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมถึง 15 กรกฎาคมศกนี้เท่านั้น
แพกเกจ "ไม่ต้องเหมาจ่าย" มีสองแพกเกจให้เลือก แพกเกจแรก แพกเกจคนคุยสั้น นาทีแรก 25 สตางค์ นาทีถัดไป 1.50 บาท สมัครภายใน 15 สิงหาคมศกนี้ แพกเกจที่สอง แพกเกจคุยยาว โทร.ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 5 โมงเย็นนาทีแรก 1.50 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ โทร.ในช่วง 5 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม 3 นาทีแรกคิดนาทีละ 1.50 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ ต้องสมัครภายในวันที่ 15 กรกฎาคมศกนี้
จะเห็นได้ว่า โปรโมชั่นของผู้ให้บริการมือถือในเวลานี้ดูชะลอความร้อนแรงในเรื่องราคาลงไปพอสมควร ซึ่งเชื่อว่า จะมีโปรโมชั่นแรงๆ ออกมาหลังจากที่แก้ปัญหาเรื่องเครือข่ายแล้วเสร็จ
|
|
|
|
|