บุราส่าหรี เปิดศึกสู้อินเตอร์แบรนด์ เล็งปรับโครงสร้างบริษัทรวบกิจการเข้าสู่โฮลดิ้งคอมปานี รับการลงทุนใหม่ปีหน้าอีกกว่า 1,500 ล้านบาท ปรับช่องทางขายผ่านอินเทอร์เน็ต ชูบริการก่อน-หลังการขาย ทำซีอาร์เอ็มตรงถึงลูกค้า พร้อมปรับเพิ่มค่าห้องพักอีก 25% สวนกระแสสถานการณ์โรงแรมในภูเก็ต

นางสาวลิลลี่ อุดมคุณธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ต รีสอร์ท คลับ จำกัด ผู้บริหารบุราส่าหรี ป่าตอง-ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของการทำธุรกิจโรงแรม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้เตรียมที่จะปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ประกอบกับต้องการที่จะปั้นแบรนด์ “บุราส่าหรี” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับอินเตอร์ สู้โรงแรมอินเตอร์เชนอื่นๆ

โครงสร้างใหม่จะรวม 3 บริษัทที่มีอยู่ขณะนี้ ได้แก่ บริษัท ภูเก็ต รีสอร์ท คลับ จำกัด , บริษัท เซี่ยงไฮ อินน์ และ บริษัท สยามชัยศรี มาตั้งเป็น บริษัท ภูเก็ต รีสอร์ท โฮลดิ้ง คอมปานี พร้อมกับเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท โดยกระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนศกนี้ โดยบริษัทใหม่ ดังกล่าว จะตั้งบริษัทย่อย แยกตามธุรกิจ เพื่อขาย และเพื่อให้บริการ เพราะในอนาคตมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน

“เรามีแผน จะลงทุนสร้างโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ที่ เขาใหญ่ จะ สร้าง 2 เฟสๆแรกเป็นโรงแรมห้องพักและห้องประชุมสัมนา เฟส 2 เป็นโฮมออฟฟิศเพื่อขาย รวมมูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนอีก 1 แห่ง จะเป็นที่เกาะมะพร้าว จังหวัดภูเก็ต จะสร้างเป็นรีสอร์ทหรูสไตล์เรือนไทยประยุกต์ภายใต้คอนเซปต์ วิถีชีวิตชุมชน มูลค่าโครงการประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 แห่งอยู่ระหว่างการออกแบบ จะเริ่มทยอยก่อสร้างปลายปีนี้เป็นต้นไป เริ่มสร้างที่ เขาใหญ่ก่อน”

ปรับราคาห้องพักสวนกระแสตลาด

ล่าสุดในวันที่ 19 กันยายน 49 ได้เตรียมเปิดแกรนด์ โอเพ่นนิ่ง “บุราส่าหรี ลากูน วิง ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายจากโรงแรมบุราส่าหรี ป่าตอง ที่มีอยู่เดิม โดยมีห้องพักเพิ่มขึ้นอีก 100 ห้อง จากของเดิมที่มีอยู่แล้ว 90 ห้อง พร้อมกับปรับราคาขึ้นอีกเฉลี่ย 23-25% แล้วแต่ขนาดของห้องพัก เพราะในส่วนบุราส่าหรีเดิมห้องพักจะเล็กกว่า มีขนาด 25-29 ตารางเมตร ส่วน บุราส่าหรี ลากูน วิง จะมีขนาดห้องตั้งแต่ 31-61 ตารางเมตร จะเริ่มราคาใหม่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้

สำหรับการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ บริษัทฯมั่นใจว่า ลูกค้ายังให้การตอบรับที่ดี เพราะเท่าที่ผ่านมาอัตราเข้าพักเฉลี่ย70-80% มาโดยตลอด ซึ่ง 80% เป็นชาวต่างชาติ ตลาดหลักคือ ยุโรปและเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และการตลาดมากขึ้น สำหรับงบการตลาดประจำปี 2549(มิ.ย.-พ.ค.)มี 45 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ใช้งบประมาณที่ 30 ล้านบาท ในส่วนที่เพิ่มขึ้น จะนำมาใช้ปรับปรุงระบบการจองห้องพักผ่านอินเทอร์เน็ต ตั้งเป้าถึงสิ้นปีสัดส่วนจองห้องผ่านอินเทอร์เน็ตจะเป็น 30% ของยอดจองทั้งหมด จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 10%

นอกจากนั้นจะทำ CRM กับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ ตลาดเป้าหมายใหม่ได้แก่ รัสเซีย ตะวันออกกลาง และ อเมริกาใต้ เป็นต้น โดยคอนเซปต์ จะเน้นเรื่องการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ให้เกิดความประทับใจแบบ Feel @ Home

“จุดขายที่เราจะชูให้ลูกค้าเห็นและมั่นใจในบริการที่จะได้รับแบบมาตรฐานสากล ได้แก่ รางวัล Special Hotel of The World และ ห้องอาหาร ฟลอยด์ ซึ่งเป็นเชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ที่จะมาปรุงอาหารให้แก่ห้องอาหารแห่งนี้ให้แก่แขกผู้มาพัก นอกจากนั้นการปรับราคาที่พักครั้งนี้ เรายังเพิ่มมูลค่าเงินของลูกค้าด้วยบริการสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ฟรีมินิบาร์ อาหารเช้า และ บริการรับ-ส่งไปที่หาดส่วนตัวของโรงแรม”

อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2549 บริษัทฯตั้งเป้าราย 60 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 32% และ คาดว่าจะเติบโตอีก 120% ในปีถัดไป โดยรายได้หลักจะมาค่าห้องพัก และส่วนที่จะเป็นรายได้เสริมเข้ามา คือการรับบริหารจัดการโรงแรม ในเดือนหน้าเตรียมเข้าบริหารโรงแรมใน 2 แห่ง แบ่งเป็นที่ภาคใต้ 1 แห่ง และที่เวียดนามอีก 1 แห่ง