Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มิถุนายน 2549
SLCยันไม่ปรับเป้ารายได้ปีนี้เผยไตรมาส2ผลงานยังเจ๋ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ โซลูชั่นคอนเนอร์ (1998)

   
search resources

โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998), บมจ.
นิทัศน์ มณีศิลาสันต์




slc ยังไม่ปรับเป้าปีนี้ พร้อมเผยผลงานไตรมาส 2 จะออกมาดี แม้การเมืองส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพราะธุรกิจขนาดเล็กและกลางไม่ได้รับผลเหมือนโครงการใหญ่ พร้อมเพิ่มสินค้าให้หลากหลายและหาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มช่องทางสร้างรายได้

นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) (SLC) เปิดเผยว่าปีนี้เป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ตั้งไว้ 10% จากปี 48 หรือรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท

พร้อมเปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ว่าจะออกมาดีเพราะดูจากภาพรวมของบริษัท แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นมาบ้างก็ตาม และยังคงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 120 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากธุรกิจขนาดเล็กและกลางจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา แต่โครงการใหญ่ ๆ จะได้รับผลเนื่องจากต้องรอผลการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน เพราะธุรกิจซอฟแวร์มีปริมาณไม่มาก และบริษัททยอยรับรู้รายได้เรื่อย ๆ ขณะเดียวกัน SLC ก็ต้องพยายามหางานมือ (BACK LOG ) เพิ่มขึ้นด้วย

“เปรียบเทียบ 5 เดือนปีนี้กับ 5 เดือนปี 48 เพราะมีงานในมือปีนี้เพิ่มเป็น 40-45% จากปีก่อน และครึ่งปีหลังเราจะเข้าบิดเพิ่มอีกวงเงิน 150 ล้านบาท แต่ก็เป็นโครงการที่หลากหลายและเม็ดเงินไม่ได้มาก ” นายนิทัศน์กล่าว

นอกจากนี้ เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริหาร SLC ต้องพยายามหาวิธีแก้ไขเพื่อรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับโครงสร้างรายได้ของเราเป็นจากรัฐต่อเอกชนคือ 60 % และ 40% จากเดิมที่รายได้ของเราอยู่ที่ 80 % และ 20% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม SLC ก็ยังหวั่นต่องบประมาณที่แม้ว่ารัฐได้อนุมัติงบประมาณในหลายโครงการไปแล้ว แต่เมื่อมีปัญหาหรือปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะจัดตั้งได้เมื่อใด จึงยังคาดการณ์ได้ยาก และอาจมีการดึงงบประมาณกลับคืน จะส่งผลให้งานที่ได้รับมอบหมายหรืองานที่กำลังจะเข้าประมูลอาจหยุดชะงักลงหรือชะลอตัวไปก่อน อันจะส่งผลให้กระทบต่อการดำเนินงานบ้าง

โดยปีนี้ SLC จะรุกธุรกิจซอร์ฟแวร์ยังเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ขณะที่ฮาร์ดแวร์นั้นจะเป็นส่วนน้อย ซึ่งระบบ ERP หรือระบบบริหารทรัพยากรขององค์กร ซึ่งภาครัฐจะคุมระบบงบประมาณและบัญชีของรัฐจะคุมหน่วยงานรัฐได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีงาน GSMIS หรือ สำนักงานอัตโนมัติที่รัฐต้องการให้หน่วยงานแต่ละแห่งสามารถซัพพอร์ทงานกันได้อย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน การให้บริการในสำนักงานอัตโนมัติและ EASY QUICK ซึ่งธุรกิจอันหลังนี้พบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ส่งผลให้ SLC จะหันไปบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รองรับความต้องการของลูกค้าด้วย ที่สำคัญธุรกิจนี้มีกรอสมาร์จิ้นสูง และขณะนี้มีลูกค้าต่างประเทศจะเข้ามาเจรจากับบริษัทเพื่อทำความเข้าใจเพื่อจะขอใช้บริการต่อไป

โดย EASY QUICK จะเป็นตัวทำรายได้ของบริษัทอีกทางหนึ่ง และ 4 เดือนที่ผ่านมาพบว่า บริษัททำรายได้เกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ การรุกหาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มจึงเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายและลดความเสี่ยงที่จะอิงรายได้เพียงธุรกิจซอฟแวร์เท่านั้น

นายนิทัศน์กล่าวว่าช่วงครึ่งปีหลัง SLC จะยังคงุรุกธุรกิจซอฟแวร์ การทำไอที มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง รุกอีคอมเมิรช์ อีออฟฟิศ ตลอดจนออกสินค้าและบริการที่หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งการหาตลาดใหม่ ๆ การเปิดแฟรนไชน์ของต่างประเทศ ลักษณะของการแลกเปลี่ยน รวมทั้งการทำจัดอบรมที่ SLC เริ่มบุกตลาดนี้มากขึ้นป้องกัน ความเสี่ยงของธุรกิจ และต้องหางานจากภาคเอกชนทดแทนงานภาครัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน

“ ล่าสุดเพิ่งลงทุน 10 ล้านบาท ทำโปรแกรม OPEN SOURCE ซึ่งเราดำเนินการแล้วและคาดว่ารายได้จะเข้ามาไตรมาส 4 ก็จะเห็นผล ปีหน้าจะเพิ่มสินค้าและบริการมากขึ้น รวมทั้งหาตลาดใหม่ ๆ ” นายนิทัศน์กล่าว

โดยกรอสมาร์จิ้นของยอดขายอยู่ที่ 25% แต่บางโครงการที่รับมาเมื่อติดตั้งสินค้าหรือเมื่อขายได้จะพบว่าอาจต่ำอยู่ที่ประมาณ 10% เนื่องจากมีการแข่งขันสูงและก็ยอมขายในราคาที่ต่ำลง เพื่อแลกกับกำไรเพียง 3-4% เท่านั้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจซอร์ฟแวร์ 75% ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจฮาร์ดแวร์ ซึ่งปีนี้ BSC WORK FLOW ก็เป็นอีกโปรแกรมใหม่ที่ในต่างประเทศมีการใช้กันมาก

สำหรับเป้าหมายของปี 50 ยังประเมินได้ยาก เพราะเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้บริษัทต้องปรับความเสี่ยงในการดำเนินงาน รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us