Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มิถุนายน 2549
ITVอ่วมต้องจ่ายค่าปรับ 7 หมื่นล้าน             
 

   
related stories

ทักษิณไม่อยู่ไอทีวีไม่รอด หุ้นดิ้งเหว74%ตั้งแต่ต้นปี

   
www resources

โฮมเพจ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี

   
search resources

ไอทีวี, บมจ.
TV




“ไอทีวี” ผวาเจ๊ง ดิ้นหนีค่าปรับ 75,000 ล้าน ดันสูตรเหมาจ่ายสู้ สปน.กรณีปรับผังรายการผิดสัญญา "นิวัฒน์ธำรง" ลั่นค่าปรับจริงไม่น่าเกินปีละ 100 ล้าน ดื้อขอรอฟังคำตัดสินจากศาลปกครองสูงสุดเท่านั้น ล่าสุดกรณีการชำระค่าตอบแทน 230 ล้าน วันที่ 3 ก.ค. 49 ขึ้นอยู่กับผลการประชุมกับคณะกรรมการประสานงานเช้าวันนี้ ชี้ สปน.ต้องยื่นหนังสือให้บริษัทฯ ก่อน ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทฯ เผยการลงทุนเป็นไปตามเป้า ส่วนผังรายการยังไม่มีการปรับ ยกเว้นปรับเพื่อความเหมาะสม ย้ำไม่เคยคิดคืนสัมปทาน

วานนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายรองพล เจริญพันธ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอช เอฟ ถึงการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2547 ทั้งหมดในกรณีของบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน)

ภายหลังที่นายรองพล ได้ขอเลื่อนการแถลงมาจากวันที่ 9 มิ.ย. โดยอ้างว่า สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ตอบคำถามมาชัดเจนโดยเฉพาะในมาตรา 70 (2) ของพ.ร.บ.การตั้งศาลปกครองกลาง ปี 2542 ที่ไอทีวี อ้างว่าคำบังคับของคำพิพากษาขอให้ชะลอไว้ก่อน จนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

นายรองพลกล่าวว่า ในวันนี้สำนักงานอัยการสูงสุดได้สรุปคำตอบชัดเจนแล้วว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางมีผลให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2547 ทั้งหมดโดยทันที โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แม้บริษัทไอทีวี จะขออุทธรณ์ก็ตาม ซึ่ง สปน.จะต้องเรียกผลตอบแทนที่ไอทีวีค้างอยู่ทั้งหมด และข้อกฎหมายเหล่านี้จะส่งให้ ไอทีวีพิจารณาเพื่อตอบกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยค่าตอบแทนนั้นไอทีวีจะต้องเริ่มชำระในวันที่ 3 ก.ค. 49

ฝ่ายเลขานุการของที่ประชุม ได้คำนวณค่าสัมปทานที่ไอทีวีจะต้องชำระให้รัฐ ตามสัญญาที่เขียนไว้ใน ปีที่ 11 ถึงปีที่ 30 รวม 20 ปี เป็นเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไอทีวีค้างชำระ ซึ่งจำนวนค่าปรับ และผลประโยชน์ตอบแทนที่ไอทีวีค้างชำระและดอกเบี้ย จะต้องชำระรวม 2,709,749,314 บาท

ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของผู้ร่างสัญญาต้องการให้ไอทีวีชำระเป็นรายปี คือจะต้องชำระรายปี ๆละ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากคิดรวม 20 ปีๆ ละ 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น สปน. จะเริ่มเรียกเก็บค่าชำระจากไอทีวี ในวันที่ 3 ก.ค.49 ปีละๆ 1,000 ล้านบาท โดยจะจัดส่งหนังสือไปยังบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ให้รับรู้

นายรองพล กล่าวว่า ในส่วนของค่าปรับผังรายการ 10% ของรายได้หรือค่าตอบแทนที่คิดเป็นรายวัน จากการที่ไอทีวีไปปรับผังรายการผิดจากสัญญา ในสัญญาข้อ 11 ที่ระบุไว้ ซึ่ง สปน.คิดค่าปรับจนถึงวันที่ 9 พ.ค. 2549 ได้ทั้งสิ้นจำนวน 75,960 ล้านบาท โดยเฉลี่ยในปีที่ 9 คิดค่าปรับได้ 8,460 ล้านบาท ปีที่ 10 คิดค่าปรับได้ 36,500 ล้านบาท ปีที่ 11 คิดค่าปรับได้ 31,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากขยายต่อไปก็จะยิ่งคิดค่าปรับเพิ่มขึ้นอีก

“การเริ่มจ่ายค่าปรับ ผมจะต้องยื่นฟ้องไอทีวีภายใน 1 ปี คือสำนักงานอัยการสูงสุดตอบมาเช่นนี้ โดยอายุความในการเรียกร้องค่าตอบแทนและค่าปรับ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 49 เป็นต้นไป ผมก็ยังพอมีเวลาในการเจรจากับไอทีวีอยู่ มีเวลาที่เรียกเก็บจากไอทีวี ไม่ใช่เจรจา และผมก็จะมีหนังสือไปถึงไอทีวี และไอทีวีก็จะต้องมีหนังสือแจ้งกลับมาน่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์นี้” นายรองพลกล่าว

**ไอทีวียังดื้องัดสูตรใหม่สู้

วานนี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับฟังการแถลงข่าวด้วยได้กล่าวชี้แจงในห้องประชุมว่า มติดังกล่าวบริษัทฯ ได้ขอชี้แจงเป็น 3 ประเด็นจะเป็นแนวทางที่บริษัทฯได้เคยคิดไว้ คือ 1.คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ทางไอทีวีได้ยึดมาตรา 70 ของพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง 2.ไอทีวีมีมุมมองในเรื่องของค่าปรับที่ต่างจาก สปน. คือถ้ามีค่าปรับก็จะปรับโดยยึดเอาสัญญาข้อ 11 (2) ที่ระบุว่า หากผู้เข้าร่วมงานมิได้ดำเนินการตามผังรายการ ตามที่ระบุไว้ในวรรคแรก ผู้เข้าร่วมงานยินยอมชำระค่าปรับในอัตรา 10% ของค่าตอบแทนที่รัฐจะได้รับในปีนั้น ๆโดยคิดเป็นรายวัน และ สปน.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งระบุอยู่ในวรรคท้ายของสัญญาในข้อ 11

นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ไอทีวีเห็นต่างข้อที่ 3 คือ การที่บริษัทฯดำเนินเปลี่ยนผังรายการเป็น 50:50 ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ไม่ได้ดำเนินการตามพลการ ไอทีวีดำเนินการตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเป็นที่ตั้ง ดังนั้นจึงเป็นข้อสังเกตว่า หากมีการปรับหรือไม่อย่างไร เพราะในสัญญาระบุว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ให้ถือเป็นที่สุด ซึ่งตนได้ชี้แจงกับที่ประชุมแล้ว

อย่างไรก็ตามในช่วงเย็น นายนิวัฒน์ธำรงได้เปิดแถลงข่าวอีก โดยกล่าวว่า ในวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีทางสปน.ได้แจ้งค่าปรับผิดสัญญาผังรายการกว่า 7 หมื่นล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทฯได้ยื่นคำร้องโดยยึดตามมติของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งบริษัทฯจะจ่ายค่าปรับเพียงปีละ 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น ณ เวลานี้ บริษัทฯจึงยังจะไม่ทำอะไร จนกว่าคำพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุดจะออกมา ซึ่งไม่ว่าผลคำตัดสินจะออกเป็นเช่นไร บริษัทฯก็เตรียมพร้อมไว้ทั้ง 2 กรณี โดยจะสรรหาเงินมาชดใช้ต่อไป และในส่วนของบริษัทฯเองก็จะต้องปรับการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าปรับกว่า 7 หมื่นกว่าล้านบาทที่ทางฝ่ายเลขาฯ สปน.อ้างนั้นจะคิดจาก ค่าปรับ 10 % ของค่าสัมปทานทั้งหมด และคูณด้วย 365 วัน ยกตัวอย่างเช่น สมมติค่าสัมปทาน 1,000 ล้านบาท ทางฝ่ายเลขาฯ สปน.จะคำนวณในลักษณะนี้คือ (1,000 ลบ.x ค่าปรับ10% )x 365 วัน = 36,500 ล้านบาท ในขณะที่ทางบริษัทฯจะคิดจากค่าสัมปทาน 1,000 ล้านบาท เฉลี่ยต่อวันโดยวิธี (1,000ลบ./ 365วัน)x ค่าปรับ10% = 0.273 ล้านบาท แล้วนำเอาผลลัพธ์นี้มาคูณกับผังรายการที่ไม่ตรงกับสัญญา เช่น ผลลัพธ์ที่ได้คือ 3 แสน x 365 วัน = 109.5 ล้านบาท เท่านั้น จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะต่างกันมาก จึงทำให้บริษัทฯได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดนั้นเอง

ส่วนความคืบหน้า กรณีที่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนินงานตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินงาน สถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอช เอฟ เมื่อเช้าของวานนี้ (19 มิ.ย.) ประธานในที่ประชุมได้มีมติให้ทาง สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ส่งหนังสือมายังบริษัทฯก่อน แล้วทางบริษัทฯจะมีการตอบกลับไปว่ามีความคิดเห็นเช่นไร ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยคาดว่าไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็น่าจะทราบผลได้ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าหนังสือจะถูกส่งมาถึงวันใด

ดังนั้นกรณีในวันที่ 3 ก.ค.ที่ทางบริษัทฯจะต้องมีการชำระค่าตอบแทนปีที่ 10 ซึ่งเป็นงวดที่ 8 นับจากเดือน ก.ค. 2548-ก.ค. 2549 ที่จะต้องชำระ 1,000 ล้านบาท แต่ทางไอทีวีขอจ่าย 230 ล้านบาทนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับหนังสือจากทาง สปน.ด้วยว่ามีใจความสำคัญเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตามทางสถานีโรทัศน์ช่องไอทีวีขณะนี้ ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด การลงโฆษณาก็ยังคงปกติ เนื่องจากรายการต่างๆยังคงดำเนินอยู่ และยังคงมีเรตติ้งที่ดี และสำหรับพนักงานแล้ว บริษัทฯได้มีการประชุมชี้แจงให้ทราบถึงปัญหากันไปบ้างแล้ว ส่วนมาตรการที่จะมีการลดพนักงานหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคิดดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ทราบผลออกมาว่าจะเป็นอย่างไร

“บริษัทฯจะต้องมีการเรียกความมั่นใจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก จากกรณีดังกล่าว โดยอาจจะมาจาก เรื่องของ ผลประกอบการ รายการที่ยังดำเนินอยู่และ การที่มีเรตติ้งที่ดี ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นมีความมั่นใจต่อตัวบริษัทฯต่อไป”

ส่วนเรื่องของการลงทุนในครึ่งปีหลัง นอกจากการที่เปิดตัวบริษัท มีเดีย คอนเน็กซ์ ที่ดำเนินธุรกิจด้านโมบายแอดเวอร์ไทซิ่ง แล้ว การลงทุนใหม่ๆก็ยังคงจะมีอยู่เรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และสถานการณ์ในขณะนั้นว่าสมควรลงทุนหรือไม่ เพราะการลงทุนทางธุรกิจนั้นไม่จำเป็นว่าจะทำให้บริษัทฯแย่ลง แต่อาจจะส่งผลต่อธุรกิจให้ดีขึ้นก็ได้

สำหรับเรื่องของการปรับผังรายการใหม่นั้น ล่าสุดที่ได้มีการปรับไปเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา นับจากนี้ก็อาจจะมีการปรับอีกบ้างเล็กน้อย ตามความเหมาะสม มิได้จะปรับเพื่อเป็นไปตามที่สัญญาเดิมที่ต้องมีสารคดีและสาระประโยชน์ 70% และบังเทิง30% แต่อย่างใด อีกทั้งในขณะนี้ผังรายการของบริษัทฯจะเป็นสารคดีและสาระประโยชน์ 65% และบังเทิง35% มิใช่ 50% เท่าๆกันตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามบริษัทฯไม่มีความคิดที่จะคืนสัมปทานนี้แต่อย่างใด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไรบริษัทฯก็จะปฏิบัติตาม   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us