นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีจีวี
เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปีนี้ว่าถือเป็นปีทองของทั้งสองธุรกิจ
ที่เชื่อว่าจะขยายตัวอย่างมาก ดูได้จากจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะเข้ามาฉายในประเทศไทยมี
200 เรื่อง ไม่รวมถึงภาพยนตร์ต่างประเทศจากค่ายอิสระที่จะมีอีก 100 เรื่อง แต่ในจำนวนนี้เชื่อว่าจะมีโอกาสได้ฉายในโรงภาพยนตร์
50 เรื่อง และเป็นภาพยนตร์ไทยอีก 50 เรื่อง ซึ่งโดยรวมแล้วคาดว่าจะมีภาพยนตร์เข้าฉายรวม
400 เรื่องในปีนี้
“ในจำนวนภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปีนี้ มีภาพยนตร์ที่น่าสนใจจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น
แมททริก ที่จะฉายทั้งสองภาค ในปีเดียวกัน สตรีเหล็กภาค 2 ที่ต้องจับตามองกันว่าจะทำรายได้ดีกว่าภาคแรก
หรือเรื่องฮีโร่ เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดรวมของโรงภาพยนตร์ในปีนี้มีมูลค่าถึง
3,500 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า 3,200 ล้านบาท”
ทั้งนี้ กลุ่มอีจีวี ได้เตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจเชิงรุก ทั้งการปรับปรุงสาขาเดิม
ขยายสาขาใหม่ และการหานวัตกรมทางการตลาดใหม่ๆมานำเสนอ โดยการปรับปรุงสาขาเดิมนั้น
อีจีวีได้ใช้งบ 250 ล้านบาท ปรับโรงภาพยนตร์เดิมให้เป็นโรงโกลด์ คลาส 4 สาขา ประกอบด้วย
สาขาบางแค เพิ่ม 2 โรง แฟชั่นไอส์แลนด์ 1 โรง ซีคอนสแควร์ 1 โรง และลาดพร้าว (อิมพีเรียล
ลาดพร้าว) 1 โรง นอกจากนี้ในสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า บริษัทจะขยายโรงภาพยนตร์ ด้วยการเช่าพื้นที่เพิ่มอีก
2,500 ตารางเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวแต่เดิมเป็น ปิ่นเกล้า ฮอลล์ สำหรับแสดงคอนเสิร์ต
ซึ่งพื้นที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นจะสร้างเป็นโรงโกลด์ คลาส (โรงภาพยนตร์ที่ใช้เก้าอีกนวม
ราคาบัตรใบละ 300 บาทต่อที่นั่ง) ไม่น้อยกว่า 2 โรง และเพิ่มพื้นที่บริการให้มากขึ้น
โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในปีนี้
สำหรับการขยายสาขานั้น คาดว่าจะมีสาขาใหม่ 3 สาขา คือ ที่บิ๊กซี ราชดำริ พื้นที่
20,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท ส่วนอีก 2 สาขานั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้
แต่จะอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการายใดเข้าไปเปิดให้บริการ
นายวิชัย กล่าวว่า บริษัทไม่มีเป้าหมายที่จะเน้นการขยายสาขาจำนวนมาก แต่ที่สิ่งที่ต้องการนำเสนอก็คือ
รูปแบบของบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่อีจีวีจะเป็นผู้ริเริ่มก่อนใคร เพื่อสร้างความเป็นผู้นำในธุรกิจบันเทิง
และคาดหวังว่าด้วยบริการที่แปลกใหม่จะส่งผลให้อีจีวี เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภค
“นับจากนี้ไปเราจะนำเสนอสิ่งแปลกใหม่เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งช่วงปลายเดือนอีจีวีจะเปิดตัวรูปแบบของการชมภาพยนตร์ที่ไม่เหมือนใคร
และจะหารูปแบบกิจกรรมใหม่ๆมานำเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาอีจีวีประสบความสำเร็จจากการจัดกิจกรรมดูหหนังมาราธอน
ที่สามารถทำลายสถิติในกินเนสต์ บุค ได้เป็นผสำเร็จ และในปีนี้เชื่อว่ากิจกรรมที่อีจีวี
นำมาเสนอจะต้องเป็นที่กล่าวขานกันอีกเช่นกัน”
ทั้งนี้อีจีวี จะใช้งบทางด้าการตลาดในปี 2546 จำนวน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อสื่อโฆษณา
50 ล้านบาท และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย 50 ล้านบาท โดยคาดว่าปีบัญชี 2545 จะทำยอดขายได้
1,100 ล้านบาท (เริ่ม ก.ค.2545 - มิ.ย.2546) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 900
ล้านบาท โดยสัดส่วนของรายได้มาจาก การขายตั๋วหนัง 75% อาหารและเครื่องดื่ม 12%
โฆษณาในโรงภาพยนตร์ 8% และการให้บริการเช่าโรงภาพยนตร์จัดงาน 5% ซึ่งในปีนี้สัดส่วนรายได้จากการให้บริการจัดงานในโรงภาพยนตร์จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 10% ในขณะที่สัดส่วนจากการขายตั๋วหนังจะลดลง
ไตรมาสสองเข้าตลาด
นายวิชัย ยังได้กล่าวถึง แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า คาดว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้น่าจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้
โดยอีจีวี ได้นำหุ้นออกมาจำหน่าย 20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 70% จะถือหุ้นโดยตระกูลพูลวรลักษณ์
และกลุ่มบริษัท โฟกัส โกลบอล จำกัด และอีก 10% ถือหุ้นในนามส่วนบุคคล เช่น ดร.สุวรรณ
วลัยสเถียร เป็นต้น โดยเงินทุนที่ระดมได้ จะนำไปใช้เพื่อการลดหนี้บางส่วน และอีกส่วนจะใช้เพื่อการขยายสาขาต่อไป