Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2538
ชุมพล พรประภา กับ "คำกล่าวหา"             
 


   
search resources

สยามยามาฮ่า
ชุมพล พรประภา




นอกจาก "พรประภา" ที่มีบทบาทโดดเด่น และมีชื่อปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้งที่สุด 2 คน คือ "คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช" และ "พรเทพ พรประภา" แล้ว ยังมีคนในตระกูลนี้อีกคนที่โดดเด่นพอๆ กัน

เขาคือ "ชุมพล พรประภา"

ชุมพลเป็นลูกของพี่ชาย คือ ถาวร พรประภา เขามีอาณาจักร "เอสพี อินเตอร์เนชั่นแนล" ขายรถโตโยต้าและจักรยานยนต์ซูซูกิเป็นสินค้าหลัก

ในกรณีความขัดแย้งระหว่างสองพี่น้อง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีบทบาทโดยตรง แต่เมื่อความขัดแย้งถึงขีดสุด ชุมพลก็จออกมาให้สัมภาษณ์ทุกครั้ง และโจมตีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างรุนแรงซึ่งไม่พ้น "คุณหญิงพรทิพย์" โดยปริยาย

ความขัดแย้งครั้งล่าสุดก็เช่นกัน

"ผมรู้มีคนพยายามโยงผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตระกูลพรประภาตลอดเวลา ทำนองผมไม่อยากให้เรื่องจบ เพื่อจะได้เป็นผลดีกับธุรกิจของผมในฐานะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าและรถจักรยานยนต์ซูซูกิ" ชุมพล พรประภา กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เมื่อถูกรุกเร้าถามถึงปัญหาของบริษัท สยามยามาฮ่า จำกัด ซึ่งกำลังคุกรุ่นระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นสยามกลการและผู้บริหารกลุ่มเคพีเอ็น

ก่อนที่จะอรรถาธิบายว่า "ในการบริหารธุรกิจนั้น ธุรกิจคุณจะดีหรือตกส่วนใหญ่เกิดจากตัวคุณเอง ไม่ใช่การกระทำของคู่แข่ง เพราะฉะนั้นผมไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างที่เขากล่าวหา"

นอกจากนี้ชุมพลยังกล่าวถึงปัจจัยอื่นที่ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น นั่นคือทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่ในขณะนี้ก็มากมายจนเขาเองก็ใช้ไม่หมดในชาตินี้ ไม่จำเป็นต้องเข้าไป "สาวไส้ให้กากิน" หรือ "เต้นระบำจ้ำบ๊ะให้คนอื่นดู" เหมือนเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

ในทัศนะของชุมพล เขามองปัญหาสยามยามาฮ่าค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าเป็นการล้างแค้นระหว่างพี่สาวและน้องชาย ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องมาจากการที่คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ถูกปลดลงจากตำแหน่งผู้บริหารของสยามกลการเมื่อปีเศษที่ผ่านมา แต่เขามองว่านี่เป็นเรื่องระหว่างลูกสาวกับพ่อและลูกเขยกับพ่อตา เพราะถ้าพิจารณาให้ดีแล้วผู้ที่สูญเสียประโยชน์มากที่สุดในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในสยามกลการคือดร.ถาวร พรประภา

"ถ้าคิดว่าเป็นคนที่พ่อรักมากที่สุด ทำไมไม่รอจนกว่าพ่อจะตาย เพราะถึงตอนนั้นพ่อก็คงยกให้เป็นมรดกอยู่ดี"

ประเด็นต่อมา คือเขามองว่านี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของกรณีที่เลวที่สุดในเรื่องปัญหาการบริหารธุรกิจ ถึงขนาดควรจะมองไปถึงระบบการศึกษาของไทยด้วย ว่าจะต้องบรรจุวิชาการสอนเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมสำหรับผู้บริหารให้มากกว่านี้

"ผมอยากรู้ว่าถ้าสยามยามาฮ่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการกำกับและดูแลตลาดหลักทรัพย์จะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น"

ชุมพลมองว่าผู้บริหารสยามยามาฮ่าไม่มีคุณธรรมและจริยธรรมในการบริหารธุรกิจ เพราะตามปกติผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องทำหน้าที่บริหารกิจการและรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ไม่ใช่รักษาผลประโยชน์ของผู้บริหาร

ประเด็นที่สาม กรณีสยามยามาฮ่าเป็นกรณีศึกษาเรื่องปัญหาการบริหารธุรกิจแบบครอบครัวสำหรับสังคมไทยที่ดีที่สุด

"ปัญหาลักษณะนี้ผมว่าไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่สยามยามาฮ่าเท่านั้น มันเคยเกิดมาแล้ว และอาจจะเกิดขึ้นต่อไป เพียงแต่ไม่มีใครขุดคุ้ยและเป็นข่าวโด่งดังเท่ากับครั้งนี้"

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ชุมพลพูดย้ำเหมือนเปิดเทปว่า ผู้ถือหุ้นสยามกลการได้มอบหมายให้นายพรเทพ พรประภา ในฐานะผู้บริหารที่กินเงินเดือนเป็นเป็นคนไปจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งนายพรเทพยังไม่ได้มีการรายงานความคืบหน้าอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

"เรื่องนี้ยังมีเวลาอีก 1 ปีในการแก้ปัญหา เปรียบไปก็เหมือนกับมวยที่เพิ่งเริ่มชกยกหนึ่ง คงยังตัดสินอะไรไม่ได้ในตอนนี้ว่าใครเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ ต้องรอดูไปก่อน อีกอย่างผมอยากย้ำว่าผู้ก่อสงครามมักจะไม่ใช่ผู้ชนะสงคราม แม้จะไม่ใช่ทุกกรณีก็ตาม แต่คุณดูอย่างญี่ปุ่นหรือเยอรมนีเป็นตัวอย่าง เขาก่อสงครามด้วยความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็แพ้ เสียหายยับเยิน"

ดูเหมือนชุมพลค่อนข้างระมัดระวังที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

"ผมจะพูดแต่ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ส่วนเรื่องที่จะมาให้คาดการณ์นั้นผมไม่พูด เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนในตระกูลพรประภาที่จะต้องค่อยพูดค่อยจากัน ไม่ใช่ออกมาเต้นระบำจ้ำบ๊ะให้คนอื่นดูอย่างนี้"

แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อเหตุการณ์สุกงงอมเต็มที่ ชุมพลก็คงอยู่เฉยไม่ได้ เหมือนอย่างกรณีสยามกลการเป็นตัวอย่าง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us