ระหว่างการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ ของนายหลี่ เผิง นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่
26-28 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายหลี่ เผิง ได้เน้นย้ำทั้งในแถลงการณ์ที่มีขึ้นที่นั่น
และการพบปะสื่อ มวลชนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับพม่า นั้นเป็นมิตรภาพ
แบบ "เปาโป" (phaukphaw) มาช้านาน ซึ่งคำว่า เปาโป ( BAO-BO) ในภาษาจีนมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าคำว่า
'มิตรภาพ' แบบธรรมดาทั่วไปมากนัก
สำหรับชาวจีน ที่เขตการปกครองตนเองเต๋อหงและเมืองในบริวารซึ่งอยู่ติดชายแดนพม่า
ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมก็ด้วยถนนสาย
Burma Road ที่เชื่อมระหว่างเมืองหวั่นติง-เมืองชายแดนของจีน กับเมืองเกียวกก
หรือจิวกู่ ในภาษาจีนของพม่า และทอดต่อมายังเมืองลาโช ออกสู่มัณฑะเลย์
ถนนสายนี้มีความสำคัญยิ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากกองกำลังของรัฐบาลจีนคณะชาติซึ่งมีอังกฤษและสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนในขณะนั้น
ได้ใช้ถนนสายนี้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น
ในภูมิภาคนี้ จนกระทั่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อสงครามในที่สุด
ปี 2499 อูบาฉ่วย นายกรัฐมนตรีพม่าได้เดินทางมาเยือนจีน เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี
กับโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับ
ปัญหาพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศ อันเกิดจากการที่กองทหารจีนคณะชาติไม่ยอมถอนตัวออกไปจากดินแดนพม่า
หากแต่กลับอ้างเอาดินแดนส่วนนั้นเป็นของตน ก่อให้เกิดการปะทะทางการทหารอยู่เนือง
ๆ และต่อเนื่องจนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีอำนาจปกครองประเทศในเวลาต่อมา
และปัญหาได้รับการแก้ไขในปี พ.ศ. 2505
ความสัมพันธฺ์ระหว่างรัฐบาลจีน ทั้ง 2 ประเทศ ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายพลเนวิน
ทำการรัฐประหารในพม่าในปี เดียวกันนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เริ่มให้ความช่วยเหลือแก่พรรคคอมมิวนิสต์พม่า
(CPB) ตั้งแต่การให้ที่พักพิงในจีนและการฝึกอบรมทางการเมืองที่มณฑลเสฉวน
ราวปี พ.ศ. 2506-2512 มีการสู้รบกันอย่างหนักหน่วง กองกำลังรัฐบาลกลางกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่า
ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ตามรอยตะเข็บบริเวณชายแดนจีนเป็นส่วนใหญ่ โดยจีนมีส่วนให้การสนับสนุนทั้งกำลังอาวุธ
และความช่วยเหลืออื่น ๆ กล่าวกันว่าร้อยละ 25 ของงบประมาณ ประจำปีในราวปีละ
ประมาณ 56 ล้านจั๊ต ของ CPB นั้นมาจากจีน
มิติความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับพม่า ได้พลิกผันมาเป็นในทางบวกเมื่อนายพล
เนวิน ได้เดินทางมาเยือนกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม
2520 แน่นอน ว่าผู้อยู่เบื้องหลังของการเยือนนี้ย่อมเป็นจีน ซึ่งให้การสนับสนุนเขมรแดงในขณะนั้นและหวังจะให้เขมรแดงเลิกถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวทางการเมือง
ในทางกลับกันนายพลเนวิน ก็ปรากรถนาที่จะให้รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ยุติการให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเป็นการตอบแทน
จีนไม่ได้ทำให้พม่าผิดหวังเท่าใด นักในปีถัดมาสำนักงานกลางในจีนของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า
ถูกผลักดันกลับประเทศและอาสาสมัครจีนในพรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกเรียกกลับฐานเช่นกัน
การสถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลกลางพม่ามีขึ้นพร้อม ๆ กับการค่อย ๆ ตัดความช่วยเหลือแก่
CPB ลงเป็นอันดับ มาตราหนึ่งที่จีนนำมาใช้ได้แก่ การประกาศนโยบายเปิดทางการค้าและอนุมัติจัดตั้งเมืองเปิดทางการค้าตามแนวชายแดนจีนในราวปี
2526 ซึ่งนั้นหมายความว่านอกจากความช่วยเหลือที่ CPBเคยได้รับจากจีนจะหมดไป
รายได้ที่มาจากการเก็บภาษีเถื่อนของสินค้าที่ผ่านเขตการควบคุมของตนเองโดยเฉพาะที่
เกียวกกซึ่งเป็นจุดผ่านของการค้าชายแดนที่สำคัญและทำรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดของ
CPB ก็ย่อมจะหดหายตามไปด้วย เนื่องจากชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน รวมทั้งรัฐบาลตามแนวชายแดน
รวมทั้งรัฐบาลกลางย่อมจะสามารถทำการค้ากับจีนได้โดยตรงการดำรงอยู่ของ CPB
จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ปี 2532 รัฐบาลจีน ได้ลงนามในสัญญาการค้ากับรัฐบาล พม่าอย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันจีนก็กดดันให้ CPB ทบทวนนโยบาย และเสนอที่ลี้ภัยแก่ผู้นำระดับสูง
CPB จนนำไปสู่การล่มสลายขอวพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ในปีเดียวกันนั้นเอง ได้แก่กลุ่ม
ว้าแดง และโกแกง ก้ลงนามในสัญญาสงบศึกกับรัฐบาลกลาง
จีนเป็นประเทศแรก ที่ให้การรับรองสภาฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและกฏหมายแห่งรัฐ
หรือสลอร์ก อย่างเป็นทางการหลังจากทีสลอร์ก มีอำนาจปกครองประเทศตั้งแต่ปี
พศ.2531 เป็นต้นมา เฉียน ฉี เฉิน รัฐมนตรี
ต่างประเทศจีน นับเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของทางการ จีนคนแรกที่เดินทางเยือนพม่า
ในเดือนมกราคม 2536 ทางด้านพม่ามีพลโท ขิ่น ยุ้นต์ เลขาธิการ1 ของสลอร์ก
ซึ่งได้เดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนกันยายน 25387 ไม่นับการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีเป็นระยะๆ
ในห้วงเวลานี้ จีนได้ประกาศนโยบายลงใต้อย่างเด่นชัดเพื่อเป็นการหาทางออกสู่ทะเลให้กับมณฑลอูนนาน
แน่นอนพม่าเป็นประเทศที่จะได้รับผลจากนโยบายดังกล่าว การพัฒนาปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก
เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเร่งงระบายสินค้า ปลายผี 2535 จีนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำรุ่ยลี
( sweli river) เชื่อมระหว่งเมืองลุ่ยลี่ ของจีน กับ มูเซ ของพม่า ขณะเดียวกัน
ถนนสาย Burma Road ถูกนำกลับมมาให้ความสำคัญอีกครั้งเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยจีนได้ซ่อมแซม
และปรับปรุงถนนสายดังกล่าวระยะทาง 22 กิโลเมตรในดินแดนพม่า
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศในการพัฒนา
และปรับปรุงเส้นทางคมนาคม 2 สายเชื่อมระหว่างจีน และพม่า ได้แก่ เส้นทางต้าล่อ-เชียงตุง
ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร กับเส้นทางมูเซ-ลาโซ ระยะทาง 165 กิโลเมตร ซึ่งการสำรวจเชิงวิศวกรรมได้เสร็จลงไปแล้ว
และคาดว่าจะเริ่มสร้างภายในเดือนมีนาคม ของปี 2538 นี้
ความสัมพันธ์ในมิติของ 'เปาโป' ระหว่างจีนกับพม่านี้ นอกจากจะมี การแผ่ขยายแสนยานุภาพของจีน
ในทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังมีข้อมูลบางอย่างที่เนื่องมาจากความสัมพันธฺ์นี้
และได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ประเทศ ในภูมิภาคว่าจะเป็นการคุกคามความมั่นคงในภูมิภาคหรือไม่
ข้อมุลดังกล่าวนั้น มีว่า จีนได้เข้าไปตั้งฐานทัพเรือในดินแดนพม่าที่เกาะไฮจี
ปากแม่น้ำพะสิม และตั้งสถานีเรดาร์ที่หมู่เกาะเกรท โคโคห่างออกไปประมาณ 100
กิโลเมตร
และหากเป็นเช่นนั้นจริง ข้อกังขาก็มีตามมาว่า พม่ามีเหตุผลอะไรที่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับและปล่อยให้จีนเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนของตนขนดานั้น
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศวิเคราะห์ว่า ' นั่นนอาจจะเป็นทางเลือกในความไม่มีทางเลือกสำหรับพม่า
'เพราะจีนเป็นฝ่ายพันธมิตรเพียงประเทศเดียวที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือพม่าอย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันก็ยังมีความจำเป็นที่พม่าจะต้องให้อาวุธจากจีนเพื่อนำมาปราบปรามชนกลุ่มน้อย
แม้บ่งทีสิ่งนั้นอาจจะทำให้พม่าได้ไม่เท่าเสียก็ตาม
หรือพม่าอาจจะยอมรับความสัมพันธ์แบบ "เปาโป. ในลักษณะพิเศษเช่นนี้ก็ว่าได้