Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2538
มิติความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับพม่า             
โดย สุทธิดา มะลิแก้ว นุศรา สวัสดิ์สว่าง
 

   
related stories

จีนดูดการลงทุนเข้าชายแดนใช้จุดขายสัมพันธ์ 'สัมพันธ์อันดีกับพม่า'

   
search resources

หลี่ เผิง




ระหว่างการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ ของนายหลี่ เผิง นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่ 26-28 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายหลี่ เผิง ได้เน้นย้ำทั้งในแถลงการณ์ที่มีขึ้นที่นั่น และการพบปะสื่อ มวลชนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับพม่า นั้นเป็นมิตรภาพ แบบ "เปาโป" (phaukphaw) มาช้านาน ซึ่งคำว่า เปาโป ( BAO-BO) ในภาษาจีนมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าคำว่า 'มิตรภาพ' แบบธรรมดาทั่วไปมากนัก

สำหรับชาวจีน ที่เขตการปกครองตนเองเต๋อหงและเมืองในบริวารซึ่งอยู่ติดชายแดนพม่า ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมก็ด้วยถนนสาย Burma Road ที่เชื่อมระหว่างเมืองหวั่นติง-เมืองชายแดนของจีน กับเมืองเกียวกก หรือจิวกู่ ในภาษาจีนของพม่า และทอดต่อมายังเมืองลาโช ออกสู่มัณฑะเลย์

ถนนสายนี้มีความสำคัญยิ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากกองกำลังของรัฐบาลจีนคณะชาติซึ่งมีอังกฤษและสหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนในขณะนั้น ได้ใช้ถนนสายนี้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ในภูมิภาคนี้ จนกระทั่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อสงครามในที่สุด

ปี 2499 อูบาฉ่วย นายกรัฐมนตรีพม่าได้เดินทางมาเยือนจีน เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี กับโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับ ปัญหาพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศ อันเกิดจากการที่กองทหารจีนคณะชาติไม่ยอมถอนตัวออกไปจากดินแดนพม่า หากแต่กลับอ้างเอาดินแดนส่วนนั้นเป็นของตน ก่อให้เกิดการปะทะทางการทหารอยู่เนือง ๆ และต่อเนื่องจนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีอำนาจปกครองประเทศในเวลาต่อมา และปัญหาได้รับการแก้ไขในปี พ.ศ. 2505

ความสัมพันธฺ์ระหว่างรัฐบาลจีน ทั้ง 2 ประเทศ ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายพลเนวิน ทำการรัฐประหารในพม่าในปี เดียวกันนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เริ่มให้ความช่วยเหลือแก่พรรคคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ตั้งแต่การให้ที่พักพิงในจีนและการฝึกอบรมทางการเมืองที่มณฑลเสฉวน

ราวปี พ.ศ. 2506-2512 มีการสู้รบกันอย่างหนักหน่วง กองกำลังรัฐบาลกลางกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ตามรอยตะเข็บบริเวณชายแดนจีนเป็นส่วนใหญ่ โดยจีนมีส่วนให้การสนับสนุนทั้งกำลังอาวุธ และความช่วยเหลืออื่น ๆ กล่าวกันว่าร้อยละ 25 ของงบประมาณ ประจำปีในราวปีละ ประมาณ 56 ล้านจั๊ต ของ CPB นั้นมาจากจีน

มิติความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับพม่า ได้พลิกผันมาเป็นในทางบวกเมื่อนายพล เนวิน ได้เดินทางมาเยือนกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2520 แน่นอน ว่าผู้อยู่เบื้องหลังของการเยือนนี้ย่อมเป็นจีน ซึ่งให้การสนับสนุนเขมรแดงในขณะนั้นและหวังจะให้เขมรแดงเลิกถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวทางการเมือง ในทางกลับกันนายพลเนวิน ก็ปรากรถนาที่จะให้รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ยุติการให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเป็นการตอบแทน

จีนไม่ได้ทำให้พม่าผิดหวังเท่าใด นักในปีถัดมาสำนักงานกลางในจีนของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ถูกผลักดันกลับประเทศและอาสาสมัครจีนในพรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกเรียกกลับฐานเช่นกัน

การสถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลกลางพม่ามีขึ้นพร้อม ๆ กับการค่อย ๆ ตัดความช่วยเหลือแก่ CPB ลงเป็นอันดับ มาตราหนึ่งที่จีนนำมาใช้ได้แก่ การประกาศนโยบายเปิดทางการค้าและอนุมัติจัดตั้งเมืองเปิดทางการค้าตามแนวชายแดนจีนในราวปี 2526 ซึ่งนั้นหมายความว่านอกจากความช่วยเหลือที่ CPBเคยได้รับจากจีนจะหมดไป รายได้ที่มาจากการเก็บภาษีเถื่อนของสินค้าที่ผ่านเขตการควบคุมของตนเองโดยเฉพาะที่
เกียวกกซึ่งเป็นจุดผ่านของการค้าชายแดนที่สำคัญและทำรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดของ CPB ก็ย่อมจะหดหายตามไปด้วย เนื่องจากชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน รวมทั้งรัฐบาลตามแนวชายแดน รวมทั้งรัฐบาลกลางย่อมจะสามารถทำการค้ากับจีนได้โดยตรงการดำรงอยู่ของ CPB จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก

ปี 2532 รัฐบาลจีน ได้ลงนามในสัญญาการค้ากับรัฐบาล พม่าอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันจีนก็กดดันให้ CPB ทบทวนนโยบาย และเสนอที่ลี้ภัยแก่ผู้นำระดับสูง CPB จนนำไปสู่การล่มสลายขอวพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ในปีเดียวกันนั้นเอง ได้แก่กลุ่ม ว้าแดง และโกแกง ก้ลงนามในสัญญาสงบศึกกับรัฐบาลกลาง

จีนเป็นประเทศแรก ที่ให้การรับรองสภาฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและกฏหมายแห่งรัฐ หรือสลอร์ก อย่างเป็นทางการหลังจากทีสลอร์ก มีอำนาจปกครองประเทศตั้งแต่ปี พศ.2531 เป็นต้นมา เฉียน ฉี เฉิน รัฐมนตรี
ต่างประเทศจีน นับเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของทางการ จีนคนแรกที่เดินทางเยือนพม่า ในเดือนมกราคม 2536 ทางด้านพม่ามีพลโท ขิ่น ยุ้นต์ เลขาธิการ1 ของสลอร์ก ซึ่งได้เดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนกันยายน 25387 ไม่นับการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีเป็นระยะๆ

ในห้วงเวลานี้ จีนได้ประกาศนโยบายลงใต้อย่างเด่นชัดเพื่อเป็นการหาทางออกสู่ทะเลให้กับมณฑลอูนนาน แน่นอนพม่าเป็นประเทศที่จะได้รับผลจากนโยบายดังกล่าว การพัฒนาปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเร่งงระบายสินค้า ปลายผี 2535 จีนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำรุ่ยลี ( sweli river) เชื่อมระหว่งเมืองลุ่ยลี่ ของจีน กับ มูเซ ของพม่า ขณะเดียวกัน ถนนสาย Burma Road ถูกนำกลับมมาให้ความสำคัญอีกครั้งเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยจีนได้ซ่อมแซม และปรับปรุงถนนสายดังกล่าวระยะทาง 22 กิโลเมตรในดินแดนพม่า

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศในการพัฒนา และปรับปรุงเส้นทางคมนาคม 2 สายเชื่อมระหว่างจีน และพม่า ได้แก่ เส้นทางต้าล่อ-เชียงตุง ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร กับเส้นทางมูเซ-ลาโซ ระยะทาง 165 กิโลเมตร ซึ่งการสำรวจเชิงวิศวกรรมได้เสร็จลงไปแล้ว และคาดว่าจะเริ่มสร้างภายในเดือนมีนาคม ของปี 2538 นี้

ความสัมพันธ์ในมิติของ 'เปาโป' ระหว่างจีนกับพม่านี้ นอกจากจะมี การแผ่ขยายแสนยานุภาพของจีน ในทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังมีข้อมูลบางอย่างที่เนื่องมาจากความสัมพันธฺ์นี้ และได้สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้แก่ประเทศ ในภูมิภาคว่าจะเป็นการคุกคามความมั่นคงในภูมิภาคหรือไม่ ข้อมุลดังกล่าวนั้น มีว่า จีนได้เข้าไปตั้งฐานทัพเรือในดินแดนพม่าที่เกาะไฮจี ปากแม่น้ำพะสิม และตั้งสถานีเรดาร์ที่หมู่เกาะเกรท โคโคห่างออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร

และหากเป็นเช่นนั้นจริง ข้อกังขาก็มีตามมาว่า พม่ามีเหตุผลอะไรที่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับและปล่อยให้จีนเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนของตนขนดานั้น เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศวิเคราะห์ว่า ' นั่นนอาจจะเป็นทางเลือกในความไม่มีทางเลือกสำหรับพม่า 'เพราะจีนเป็นฝ่ายพันธมิตรเพียงประเทศเดียวที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือพม่าอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันก็ยังมีความจำเป็นที่พม่าจะต้องให้อาวุธจากจีนเพื่อนำมาปราบปรามชนกลุ่มน้อย แม้บ่งทีสิ่งนั้นอาจจะทำให้พม่าได้ไม่เท่าเสียก็ตาม

หรือพม่าอาจจะยอมรับความสัมพันธ์แบบ "เปาโป. ในลักษณะพิเศษเช่นนี้ก็ว่าได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us