Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์19 มิถุนายน 2549
“เทสโก้-ซิตี้แบงก์” สบช่องดูดลูกค้า ส่วนลดน้ำมัน-กู้ดอกต่ำช่องทางรัดเข็มขัด             
 


   
www resources

Tesco Lotus Homepage

   
search resources

เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม, บจก.
Credit Card




สำรวจช่องทางรัดเข็มขัด-ลดค่าครองชีพ พบบัตรเครดิตเทสโก้ วีซ่า โกลด์ ให้ส่วนลดเติมน้ำมันสูงถึง 3% ใน 6 เดือนแรก ครบกำหนดให้อีก 2% ถึงสิ้นปี 2550 แถมพบสินเชื่อบุคคลดอกเบี้ยต่ำ ซิตี้แบงก์คิด 16% คนเครดิตดี ส่วนเคทีซีรับรีไฟแนนซ์คิดดอกเบี้ย 21%

ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง กำลังซื้อหดหายจากพิษราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณชัดเจนหลังจากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร 14 วันจาก 4.75% ขยับขึ้นเป็น 5% อีกไม่นานจากนี้เราจะได้เห็นสถาบันการเงินเกือบทุกแห่ง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้อีกอย่างน้อย 0.25%
รวมถึงค่าครองชีพ รถโดยสาร ค่าอาหาร ที่ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคจ่อคิวอีกหลายรายการที่จะปรับเพิ่ม

ส่งผลให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยภาคบุคคลลดลงไปอย่างชัดเจน วัดได้จากตัวเลขการใช้บัตรเครดิตล่าสุดของเดือนเมษายน 2549 ที่ยอดใช้จ่ายรวมต่ำที่สุดนับตั้งแต่สิ้นปี 2548 โดยยอดใช้จ่ายรวมเฉลี่ยต่อบัตรอยู่ที่ 5,596 บาท เทียบกับ 6,430 บาทหรือในรอบ 4 เดือนของปี 2549 การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงไปเกือบ 13%

ขณะเดียวกันยอดสินเชื่อคงค้างจากที่เคยทยอยลดลงในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2549 มาในเดือนเมษายนตัวเลขยอดคงค้างกลับเพิ่มขึ้นมาราว 1.8%

ในสถานการณ์เช่นนี้ภาคประชาชนเริ่มควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น หลังจากที่ค่าครองชีพปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่ารายรับในปัจจุบัน “ผู้จัดการรายสัปดาห์”ได้สำรวจช่องทางที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงทางเลือกอื่นหากไม่สามารถจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่พุ่งสูงขึ้นได้

เติมน้ำมันลด3%

เริ่มจากช่องทางที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมัน ขณะนี้บัตรเครดิต เทสโก้ วีซ่า โกลด์ ได้ให้ส่วนลดในการเติมน้ำมันที่ปั๊มเอสโซ่ทั่วประเทศ โดยให้ส่วนลด 3% ตลอดระยะเวลา 6 เดือนระหว่าง 1 มิถุนายนถึง 30 พฤศจิกายน 2549 ส่วนบัตรคลาสสิกให้ส่วนลด 2% ถือเป็นการให้ส่วนลดในการเติมน้ำมันที่สูงมาก

หากใช้บัตรวีซ่า โกลด์ ชำระค่าน้ำมัน โดยคิดจากราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันที่ 27.14 บาท เท่ากับเติมได้ถูกกว่า 81.42 สตางค์ ส่วนเบนซิน 91 ราคา 28.99 บาท จะเติมได้ถูกกว่า 86.97 สตางค์ เบนซิน 95 ราคา 29.73 บาท เติมได้ถูกกว่า 89.19 สตางค์ ถ้าใช้บัตรคลาสสิกจะเติมน้ำมันถูกกว่าปกติ 54.28 สตางค์ 57.98 สตางค์ และ 59.46 สตางค์ต่อลิตรตามลำดับ

หลังจากครบกำหนด 6 เดือนบัตรเครดิตเทสโก้ ยังให้ส่วนลดน้ำมันต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2550 โดยวีซ่าโกลด์ให้ส่วนลดเติมน้ำมัน 2% และบัตรคลาสสิกให้ส่วนลดน้ำมัน 1% จากเดิมที่ค่ายเคทีซีเคยให้ส่วนลดน้ำมันที่ 20 สตางค์ต่อ 100 บาท และเดิมบัตรเครดิส เทสโก้ วีซ่าก็เคยให้ส่วนลดน้ำมัน 1% มาก่อนเช่นกัน

นั่นคือช่องทางหนึ่งที่จะช่วยลดภาระให้กับประชาชนบางกลุ่มที่พอจะมีศักยภาพที่จะทำบัตรเครดิตได้ เนื่องจากต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทขึ้นไป ส่วนผู้จะทำบัตรวีซ่า โกลด์ได้จะต้องมีรายได้ขึ้นต่ำ 30,000 บาทต่อเดือน

อย่างไรก็ตามควรสอบถามเรื่องค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีให้ชัดเจนก่อน เพราะปัจจุบันผู้ออกบัตรส่วนใหญ่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและบางรายเว้นค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพ รวมถึงต้องสอบถามเงื่อนไขการใช้บัตรต่อเดือนด้วยว่ามีข้อกำหนดการใช้บัตรขั้นต่ำหรือไม่ และเงื่อนไขของส่วนลดนั้นจะคืนมาในรูปแบบใด

ในกรณีที่ประชาชนบางรายอาจมีปัญหามีรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่หามา และต้องหันไปพึ่งพาบริการสินเชื่อบุคคลเพื่อนำมาแก้ปัญหาสภาพคล่องภายในครอบครัว แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาควบคุมเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ไม่เกิน 28% และให้คำนวณแบบลดต้นลดดอก ต่ำกว่าในอดีตมาก ในส่วนของสินเชื่อบุคคลที่คาดว่านับจากนี้จะมีการแข่งขันเพื่อดึงดูดลูกค้ากันมากขึ้น หลังจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นตัวเอื้อ

สินเชื่อบุคคลดอกต่ำ

แต่หากสำรวจผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคลทั้งหมดจะพบว่า มีผู้ให้บริการบางรายที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 28% หลายราย เริ่มตั้งแต่ดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ 16% ก็มีโดยซิตี้แบงก์ ได้ออกสินเชื่อซิตี้แบงก์ เพอร์ซันนัลโลน สำหรับผู้มีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท ดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ 16% นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร ขึ้นอยู่กับประวัติทางการเงินของผู้สมัคร อาชีพ เขตที่อยู่อาศัย และวงเงินที่ได้รับอนุมัติ

ยังมีสินเชื่อบุคคลของผู้ให้บริการรายอื่นที่คิดดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ประกอบด้วยธนาคารไทยธนาคาร ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเคทีซี บางแห่งหากกู้มากจะคิดดอกเบี้ยต่ำ บางแห่งหากผ่อนชำระนานก็จะได้ส่วนลดดอกเบี้ย รวมถึงยังมีสินเชื่อระยะสั้นไม่เกิน 11 เดือน อัตราดอกเบี้ยเพียง 17%

นอกจากนี้ค่ายของเคทีซียังเปิดรับรีไฟแนนซ์ ยอดค้างชำระสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเงินสด หรือวงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ จากสถาบันการเงินอื่นเท่านั้น โดยคิดดอกเบี้ยที่ 21% สำหรับผู้มีรายได้เกินกว่า 15,000 บาท ส่วนผู้มีรายได้ระหว่าง 6,000-15,000 บาทคิดดอกเบี้ยที่ 26% ซึ่งเลือกผ่อนชำระขั้นต่ำที่ 5% ได้

หนี้บ้านจ่ายเพิ่ม-ผ่อนนาน

สำหรับผู้ที่มีภาระผ่อนชำระบ้านในอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ที่ขยับขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 0.75% คาดว่าอีกไม่นานจะขยับขึ้นอีก 0.25% เท่ากับว่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากปี 2548 อีก 1% ย่อมส่งผลต่อเงินค่างวดในการผ่อนชำระ เพราะสถาบันการเงินทุกแห่งมักจะคำนวณค่างวดผ่อนชำระบ้านบวกเพิ่มในอัตราลอยตัวไว้ที่ 1%

เมื่อดอกเบี้ยปัจจุบันขยับขึ้นมาสถาบันการเงินอาจมีการปรับเงินงวดในการผ่อนชำระเพิ่มขึ้นจากเดิม หากสัญญาในการขอกู้ยืมเป็นสัญญาผ่อนชำระที่นานที่สุด ส่วนผู้ที่ทำสัญญากู้ เช่น 15 ปี อาจต้องผ่อนชำระนานกว่าระยะเวลาที่กำหนด หากดอกเบี้ยไม่ปรับลดลง

ส่วนการรีไฟแนนซ์คงต้องรอทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในประเทศให้นิ่งก่อน เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยกู้ยืมของสถาบันการเงินส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน แม้บางแห่งเปิดรับรีไฟแนนซ์ แต่ดอกเบี้ยไม่ต่างกันมาก อาจไม่คุ้มเนื่องจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมและประเมินราคากันใหม่

ในสถานการณ์เช่นนี้ทางออกที่ดีที่สุด คือ ต้องลดค่าใช้จ่ายของตัวเองและครอบครัวลงก่อนเป็นลำดับแรก เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดรายการสินค้าฟุ่มเฟือยหรือทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ลดการสังสรรค์ เป็นต้น

ดังนั้น หากเป็นไปได้การหารายได้พิเศษเพิ่มจากเดิม ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพื่อนำมาชดเชยกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หากไม่สามารถจัดการได้จริงการก่อหนี้ใหม่ควรเป็นทางเลือกสุดท้าย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us