|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีอาร์ซี ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ผุดโครงการยักษ์ “บัตรเดอะวันการ์ด” ปลุกกำลังซื้อช่วงเศรษฐกิจซบ ดึงกลุ่มธุรกิจในเครือเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ใช้บัตรเดียวได้ทุกที่ในเครือ กว่า 230 สาขา เพื่อสะสมแต้ม คาดกระตุ้นยอดขายได้ 15% เป้าหมายในปีแรกมีลูกค้าถือบัตรนี้ 2.8 ล้านราย ยอดขายผ่านบัตรนี้กว่า 17,000 ล้านบาท
นายอลัน นามชัยศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มซีอาร์ซีได้ลงทุนประมาณ 300กว่าล้านบาท ซึ่งรวมทั้งการพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ คอมพิวเตอร์ งบการตลาด ในการพัฒนาโครงการ “บัตรเดอะวันการ์ด” (The 1 Card) ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นบัตรใบแรกของบริษัทฯ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือซีอาร์ซีที่จะนำมาใช้ในช่วงกลางปีนี้ ด้วยงบการตลาดและโปรโมชั่นในครึ่งปีแรกถึง 130 ล้านบาท
ทั้งนี้บัตรดังกล่าวจะเป็นบัตรใบแรกในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีฐานสมาชิกและฐานข้อมูลการชอปปิ้งของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั่วประเทศมากที่สุดในประเทศก็ว่าได้ และอาจจะใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย โดยคาดว่าในปีแรกของการเปิดตัวบัตรดังกล่าวนี้ จะมีสมาชิกมากถึง 2.8 ล้านคน และเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6 ล้านรายภายในช่วง 5 ปีนับจากนี้ และคาดยอดขายที่จะเปิดขึ้นจากการใช้บัตรนี้ประมาณ 17,000 ล้านบาท และมีลูกค้าใช้บัตรนี้ในทุกการชอปปิ้งกว่า 60% ซึ่งขณะนี้มีซัปพลายเออร์กว่า 1,000 รายตอบรับเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว ด้วยสินค้ามากกว่า 1.3 ล้านเอสเคยู
โดยกลุ่มธุรกิจในเครือซีอาร์ซีที่เข้าร่วมในช่วงแรกนี้ ประกอบด้วย 6 บิสซิเนสยูนิตคือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ร้านเพาเวอร์บาย ร้านซูเปอร์สปอร์ต ร้านบีทูเอส และร้านโฮมเวิร์ค ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนสาขารวมกันมากกว่า 230 สาขา ซึ่งมีศักยภาพมากเพียงพอที่จะทำกลยุทธ์การใช้บัตรนี้ได้เป็นอย่างดี และคาดหวังว่าบัตรนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายรวมได้มากกว่า 12-15%
“ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มธุรกิจในเครือซีอาร์ซีทำกิจกรรมการตลาดที่เรียกว่า Cross and Link Marketing Program ร่วมกัน ถือเป็นการสร้าง แบรนด์ รอยัลตี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเตรียมที่จะนำธุรกิจอื่นในเครือเข้าร่วมอีกด้วยซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ แต่ก็ต้องรอให้การดำเนินงานในช่วงแรกนี้มีความสมบูรณ์เรียบร้อยก่อน โดยเฉพาะ ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เกต คาดว่าอีก 2 ปีจะเข้าร่วมได้ ซึ่งปัจจุบันท็อปสก็มีบัตรสมาชิก สปอต ของตัวเองอยู่แล้ว โดยมีฐานสมาชิกประมาณ 2.5 ล้านรายแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ท็อปส์วางแผนที่จะขยายท็อปส์เดลี่ประมาณ 500 สาขาภายใน 5 ปีนับจากนี้ ซึ่งจะเป็นธุรกิจร้านซูเปอร์มาร์เก็ตสะดวกซื้อขนาดเล็กกระจายตามย่านชุมชนต่างๆ ซึงจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการรองรับบัตรนี้ในอนาคตได้ด้วย นอกจากนั้นแล้วยังมีแนวคิดที่อาจจะดึงธุรกิจในเครือจิราธิวัฒน์ทั้งหมดเข้ามาร่วมด้วยเช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านฟาสต์ฟู้ด เป็นต้น แต่ยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น
สำหรับบัตรเดอะวันการ์ดนี้ เป็นบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากบัตรเดิม หรือรายการส่งเสริมการขายเดิมที่บริษัทฯมีอยู่ แต่ไม่ใช่บัตรเงินสดเป็นบัตรสะสมแต้ม โดยลูกค้าจะได้รับคะแนนในทุกๆยอดการซื้อสินค้าทั้งจากราคาปรกติ สินค้าลดราคา ไม่ว่าจะจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต ก็จะได้สะสมเพิ่มเติมขึ้นด้วยทุกครั้ง กล่าวคือ เมื่อซื้อสินค้าในธุรกิจที่เข้าร่วมด้วย 6 กลุ่มขณะนี้ดังกล่าวข้างต้นครบทุก 25 บาท จะได้ 1 คะแนน ยกเว้นร้านเพาเวอร์บายต้องซื้อครบทุก 50 บาทจะได้ 1 คะแนน และเมื่อครบตามเงื่อนไขที่กำหนดสามารถมาแลกเป็นบัตรคูปองเงินสดซึ่งสามารถนำมาซื้อสินค้าได้ตามมูลค่าคูปองเงินสดนั้น หรือแลกเป็นส่วนลดสูงถึง 50% และอื่นๆตามเงื่อนไข
นายอลัน กล่าวต่อว่า ความพิเศษของตัวบัตรนี้จะช่วยให้สะสมคะแนนได้เร็วขึ้น เพราะเป็นการรวมคะแนนการซื้อจากทุกบริษัทฯทุกสาขาลงในบัญชีเดียวกัน ซึ่งเดิมเป็นสมาชิกบัตรโรบินสัน เมื่อซื้อของที่โรบินสันก็ลงคะแนนบัญชีโรบินสัน ขณะเดียวกันก็เป็นสมาชิกบัตรซูเปอร์สปอร์ตคะแนนที่ได้ก็ลงบัญชีซูเปอร์สปอร์ต ลูกค้าเอามารวมกันไม่ได้ แต่บัตร เดอะ วัน การ์ด สามารถรวมคะแนนกันได้หมด โดยเป็นการสะสมแต้ม ทั้งจากสินค้าลดราคาและไม่ลดราคา ต่างจากบัตรส่วนลดทั่วไป และสามารถใช้ร่วมกับบัตรเครดิตอื่นๆได้อีกไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลมาสเตอร์คาร์ด เซ็นทรัลคาร์ด โรบินสันวีซ่าคาร์ด วีซ่าคาร์ด และมาสเตอร์คาร์ด เป็นต้น
“ข้อดีของบัตรนี้มีมาก จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้และเข้าถึงการจัดกิจกรรมต่างๆของกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างดี ซึ่งผ่านการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้ากว่า 2 ล้านรายชื่อทั่วประเทศ เพราะเราใช้เวลาเตรียมการมานานกว่า 2 ปี และมีทีมงานกว่า 120 คนในการจัดทำโครงการนี้” นายอลันกล่าว
|
|
|
|
|