|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เฮียฮ้อ แจงธุรกิจบันเทิงยังไม่ถึงทางตัน เพียงแต่รูปแบบเปลี่ยนเป็นช่องทางดิจิตอลเพิ่มขึ้น มั่นใจโมเดลธุรกิจใหม่ที่ปรับโครงสร้างบริษัทมากว่า 2 ปี เดินมาถูกทาง พร้อมลุยครึ่งปีหลังเตรียมบุกสื่อดิจิตอลคอนเท้นต์เป็นหลัก พร้อมรีวิวธุรกิจสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ ใหม่ๆหมด เตรียมผุดไอเดียขายอีพีซิงเกิลอัลบั้มแบบไม่ครบ 10 เพลงจำหน่าย เพื่อลดต้นทุน สยายปีกลงเปิดบริษัท “อาร์เอส ไอ-ดรีม” รับจัดงานจากต่างประเทศเข้ามา มั่นใจสิ้นปีโกยรายได้เพิ่มขึ้น 25%
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบันเทิงในไทยยังไม่ถึงทางตันหรืออยู่ในช่วงขาล ความจริงแล้วตลาดนี้ก็ยังมีการแข่งขันที่ดีอยู่ การที่รายใดรายหนึ่งต้องล้มไปหมายความได้ว่าต้องมีผู้เล่นในตลาดบางรายที่มีแชร์เพิ่มขึ้น อีกทั้งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าวันนี้ธุรกิจบันเทิงยังสดใสอยู่ เพียงแต่ผู้ที่ดำเนินธุรกิจนี้จะปรับตัวและมองเห็นโอกาสนั้นหรือไม่
โดยเฉพาะธุรกิจเพลงกำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลมากขึ้นผู้บริโภคหันมาฟังผ่านเครื่องเล่นเอ็มพีสามหรือไอพอดมากขึ้น ผู้ที่จะยืนหยัดอยู่ในธุรกิจนี้ได้จะต้องมีการปรับตัวและสร้างโอกาสให้ตัวเองจึงจะสามารถอยู่ได้
“ธุรกิจเพลงในยุคดิจิตอลนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศมีมาหลายปีแล้ว ส่วนในประเทศไทยเองนั้นได้รับความนิยมสูงสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และสร้างโมเดลธุรกิจขึ้นมาใหม่มาตั้งแต่ 2 ปีก่อน เพื่อรองรับสื่อดิจิตอลดังกล่าว ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเพลง จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทฯว่าต้องใหญ่อีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการดำเนินธุรกิจมากกว่า”
ปักธงรบรับยุคดิจิตอล
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯจะทำธุรกิจเพื่อตอบรับยุคดิจิตอลคอนเท้นต์เป็นหลัก โดยจะเป็นในลักษณะของการลงทุนทางด้านความคิดสร้างสรรค์ ซอฟท์แวร์ และช่องทางดาวน์โหลดเพลงมากขึ้น เช่น การเปิดตัวเวบไซต์ www.mixiclub.com และการ์ดเติมเพลง ส่วนสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์นั้น จะไม่มีการขยายการลงทุนเพิ่มอย่างน้อย 1-2 ปีนับจากนี้
ปัจจุบันบริษัทฯได้เปิดตัวศิลปินลักษณะไซเบอร์สตาร์อย่าง “DDZ”ให้ผู้บริโภคฟังเพลงได้โดยการดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิตอลเท่านั้น ขณะนี้กวาดรายได้ไปกว่า 40 ล้านบาทแล้ว โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตจากกลุ่มสื่อนิวมีเดียหรือดิจิตอลนี้กว่า 100% โดยในปีที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 50-60%
การที่ทางบริษัทฯเบนเข็มลุยทางดิจิตอลคอนเท้นต์ นอกจากจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังช่วยให้บริษัทฯลดต้นทุนในส่วนของวัตถุดิบ สินค้าคงเหลือ และมีมาร์จิ้นที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับการผลิตออกมาในลักษณะแผ่นซีดี และเทปคาสเซ็ทอย่างที่ผ่านมา
ปิดตัวไลน์ผลิตเทปคลาสเซ็ท
ขณะนี้บริษัทฯได้มีการหยุดผลิตเทปคลาสเซ็ทไปกว่า 6 เดือนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาการจำหน่ายเทปและซีดีและวีซีดีเพลงนั้น จะเป็นการฝากขาย ซึ่งหากต้องการยอดขายมากเท่าไร การผลิตเทปและซีดีก็จะมากเช่นกัน แต่บริษัทฯต้องแบกรับภาระสินค้าคงเหลือเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเทปคาสเซ็ท ที่กำลังจะเสื่อมความนิยมลงเรื่อยๆจึงได้มีการหยุดผลิตไป ส่วนซีดีและวีซีดีเพลงนั้น ยังคงผลิตอยู่ แต่คาดว่าอีก 5 ปีมีทิศทางที่ลดลง โดยช่องทางดิจิตอลจะเข้ามาแทนที่และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดแทน
ผุดโปรเจกต์ อีพีซิงเกิลอัลบั้ม แบบไม่ครบ 10 เพลง*
ในไตรมาสสี่ เตรียมเปิดตัวโปรเจกต์อัลบั้มเพลงในลักษณะ “อีพีอัลบั้ม” หรือใน 1 อัลบั้มนั้นจะมีไม่ครบ 10 เพลง อย่างที่เคยเป็นมา ราคาจำหน่ายจะถูกลง เมื่อเทียบกับอัลบั้มเต็ม 10 เพลง จะมีทั้งลักษณะเป็นซีดี วีซีดี และดาวน์โหลดผ่านช่องทางคอนเท้นต์ดิจิตอลต่างๆ ซึ่งบริษัทฯจะยึดเป็นมาตรฐานต่อไปสำหรับศิลปินทั้งเก่าและใหม่ของบริษัทฯที่จะออกเทปต่อไป ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าตัวศิลปินและเซกเม้นต์ของกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลักว่าควรจะออกมากี่เพลง ส่วนอัลบั้มเต็มลักษณะ 10 เพลงนั้นต่อไปจะลดลง
สยายปีกจับมือไอ-ดรีม รุกธุรกิจรับจัดงาน
การลงทุนใหม่ได้ร่วมทุนกับไอ-ดรีม จัดตั้งบริษัท อาร์เอส ไอ-ดรีม จำกัด ขึ้นมา ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท บริษัทฯถือหุ้น 50% เพื่อดำเนินธุรกิจรับจัดงานในต่างประเทศ เพื่อช่วยเสริมศักยภาพให้บริษัท เนื่องจากไอ-ดรีมเองมีความเชี่ยวชาญในงานดังกล่าว ส่วนอาร์เอสเองมีสื่อ ศิลปิน อยู่ในมือ จึงมั่นใจว่าการร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดธุรกิจให้ได้ โดยในปีนี้จะมีอย่างน้อย 2 โปรเจกต์
“สถานการณ์ครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากที่สุด หากการเมืองยังไม่นิ่ง ก็จะส่งผลถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่วนปัจจัยลบทางเศรษฐกิจนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนก็ต้องปรับตัวและยอมรับมันได้ ส่วนบริษัทฯเองนั้นมั่นใจว่าจะยังคงมีรายได้เป็นไปตามที่ตั้งไว้กว่า 3,300 ล้านบาท และมีการเติบโตถึง 25%”
|
|
|
|
|