|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"สยามฮันซ่า" สยายปีกดึงสินค้าจีน ติดแบรนด์ EIDOSA ตีตลาดกลาง-ล่าง ระบุควบคุมมาตรฐานการผลิตระดับสมอ. เล็งกระจายสินค้าตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ระบุเศรษฐกิจซบ เศรษฐีหันใช้สินค้าระดับกลางกว่า 30%
นายสมชาย กาญจนหฤทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฮันซ่า จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำ เปิดเผยว่า บริษัทได้นำเข้าสินค้าประเภทก๊อกน้ำและอุปกรณ์ตกแต่งห้องน้ำจากประเทศจีน มาจำหน่ายหน่ายในไทย ภายใต้แบรนด์ EIDOSA ซึ่งเป็นการคัดเลือกสินค้าอันดับหนึ่งในแต่ละเมืองที่ได้เครื่องหมายการค้าจากจีน ทั้งนี้ บริษัทจะใช้การตรวจสอบมาตรฐานการผลิต รวมถึงคุณภาพสินค้า ผ่านการทดสอบสินค้า โดยใช้มาตรฐานสมอ. หรือเทียบเท่ากับมาตรฐานยุโรป
"คงต้องใช้เวลาซักระยะเพื่อให้ผู้บริโภคได้พิสูจน์หรือใช้สินค้าเราแล้วบอกต่อ เพราะในความรู้สึกของคนไทยหลายคนมองว่าสินค้าจากจีนไม่มีคุณภาพ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจีนเค้าก็มีสินค้าพรีเมี่ยมเช่นกัน หากเรามีการควบคุมมาตรฐานที่ดีย่อมได้สินค้าดี ในราคาต้นทุนที่ต่ำ สมมุติสินค้าประเภทเดียวกัน มาตรฐานเดียวกันทุกอย่าง ในยุโรปราคา 1,000 บาท แต่ที่จีนราคาเพียง 400 บาทเท่านั้น ทำไม่ต้องไปซื้อของแพงกว่าทั้งๆที่ผลิตจากที่เดียวกัน " นายสมชายกล่าว
นอกจากนี้ ในปัจจุบันการผลิตสินค้าไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ประเทศต่างที่เป็นผู้นำหลายประเทศได้ไปตั้งฐานการผลิตในประเทศจีน และส่งกลับได้ติดแบรนด์สินค้าของประเทศตน ทั้งจากยุโรป อเมริกา หรือแม้แต่อิตาลีเองที่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องของการออกแบบ ดังนั้นควรจะมีการปรับค่านิยมของผู้บริโภคใหม่
ส่วนสาเหตุที่บริษัทตัดสินใจนำเข้าสินค้าจากจีนเข้ามาจำหน่าย ทั้งที่จากเดิมบริษัทนำเข้าแบรนด์สินค้าดังทั้งจากอิตาลี และยุโรป นายสมชายให้เหตุผลว่า แม้ว่าจะมีการชะลอตัวของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคระดับบนหันมาซื้อสินค้าระดับกลาง 20-30% ทำให้ตลาดบนชะลอตัวลงไป นอกจากนี้ตลาดพรีเมี่ยมยังขยายตัวอยาก มีข้อจำกัดมากฐานลูกค้าน้อยเมื่อเทียบกับตลาดระดับอื่น ซึ่งบริษัทเองต้องการที่จะขยายการเติบโต ดังนั้นจึงตัดสินใจนำเข้าสินค้าระดับกลางล่างเข้ามาจำหน่ายในไทย
อย่างไรก็ตามจีนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักก็อปปี้ การลงทุนในจีนเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างมาก เพราะมีนักธุรกิจหลายรายที่เข้าไปลงทุนแล้วล้มเหลว ถูกเลียนแบบสินค้า และขายตัดราคา ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เข้าไปเรียนรู้ที่จีนอยู่กว่า 2-3 ปี และทำการศึกษาวัฒนธรรม การทำธุรกิจจีน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนเกิดความมั่นใจจึงได้ตัดสินใจลงทุน
สำหรับรูปแบบของการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายนั้น บริษัทจะทำการคัดเลือกสินค้าแบรนด์ดังในจีน จากทุกเมือง ส่วนรูปแบบของสินค้านั้นจะต้องเป็นโทนสีที่คงอยู่ได้นานไม่เบื่อง่ายหรือตามกระแสมากเกินไป ลักษณะสินค้าเป็นโมเดิร์น คลาสสิคสไตล์ เมื่อตกลงว่าจะสั่งซื้อสินค้า บริษัทจะใช้วิศวกรเข้าควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทได้ตั้งเอาไว้
ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มนำเข้า EIDOSA เข้ามาจำหน่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ายอดปีนี้ 10% จากยอดขายรวมของบริษัท และตั้งเป้าภายใน 3 ปี สินค้าจากจีนภายใน 3 ปีสินค้าจากจีนจะมีสัดส่วนเป็น 30-40% ของรายได้รวม ส่วนช่องทางการตลาดนั้นจะแทรกเข้าไปตามตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ รวมร้านค้าย่อย เนื่องจากเป็นสินค้าที่สามารถวางแสดงในร้านตัวแทนจำหน่ายได้และไม่จำเป็นต้องมีโชว์รูมเพื่อโชว์สินค้า เนื่องจากราคาเป็นตัวดึงดูดอยู่แล้วโดยราคาขายของ EIDOSA จะต่ำกว่าสินค้าเกรดเดียวกันเล็กน้อย เนื่องจากไม่ต้องการทำลายโครงสร้างของตลาด
"เมื่อก่อนเวลาเข้าไปเจรจากับโครงการบ้านหรูมักจะบอกว่าสุขภัณฑ์ หรือวัสดุก่อสร้างจะต้องนำเข้าจากยุโรป อิตาลี ถ้ามาจากจีนทุกคนร้องไม่เอา แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี พอไปเจรจาบอกว่าเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกันหรือเทียบเท่า แถมดีไซน์หรู แต่มาจากจีนเอาไหม เค้าตกลง นั้นหมายความว่าพฤติกรรมของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเปลี่ยนไป สินค้าจี คนใคร่ซื้อ ซื้อ คนใคร่ขาย ขาย ซึ่งเราควรใส่ชีวิตเข้าไปในสินค้าด้วย สิ่งแรกที่เราทำคือใส่ชีวิตให้กับโปรดักซ์ ต่อไปในอนาคตคนจะไม่สนใจแล้วว่าใครผลิต แต่จะสนใจว่าใครเป็นคนออกแบบ และขายโดยใคร เพาะเค้าจะได้รับการรับประกันว่าสินค้านั้นมีคุณภาพ รวมถึงบริการหลังการขาย " นายสมชายกล่าว
สำหรับในส่วนของฮันซ่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาตั้งเป้าโต 15% จากปี 2548 แต่ที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีการชะลอตัวอย่างมากจากปัจจัยลบทำให้ยอดขายในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ตามเป้า ดังนั้นคาดว่าสิ้นปีนี้ยอดขายจะไม่ได้ตามเป้าที่ได้ตั้งเอาไว้
|
|
|
|
|