ธุรกิจป้ายและโฆษณาฝันขึ้นชั้นเวิล์ดคลาส ค่ายเล็ก-ใหญ่เตรียมขนไอเดียมาโชว์สายตานักธุรกิจต่างชาติ พร้อมดูดซับทุกเทคโนโลยีผลิตป้ายและโฆษณาจาต่างชาติ เพื่อดันอุตสาหกรรมป้ายและโฆษณาไทยเป็นฮับแห่งเอเชีย

ล่าสุด ไอบริก ร่วมกับ 4 พันธมิตรในวงการธุรกิจป้ายและโฆษณา ตอกย้ำความสำเร็จจากการจัดงาน Sign Asia 2005 ด้วยการจัดงานนี้อีกครั้งภายใต้ชื่อ SIGN ASIA EXPO' 06 THAILAND ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี 28 กันยายา-1 ตุลาคมนี้ และจะใช้งานมหกรรมป้ายและโฆษณานี้เป็นฐานส่งให้ไทยเป็นสุดยอดแห่งวงการนี้ประจำทวีปเอเชียด้วย ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า "Gateway to Get Through Asian Advertising Sign Industry"

"งานในปีนี้จะยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเราได้ดึงหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันจัดงานนี้ โดยเฉพาะ 4 พันธมิตรหลักจาก สมาคมป้ายโฆษณาเอเชีย (ASA) สมาคมผู้ผลิตป้ายและโฆษณา (ASPA) ชมรมไทยอิงค์เจท (TIC) และสมาคมสุดท้ายคือ สมาคมการพิมพ์สกรีนไทย (TSGA)" สักกฉัฐ ศิวะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบริก จำกัด และเป็นประธานจัดงาน WSIGN ASAI EXPO '06 กล่าวถึงพันธมิตรที่เข้ามาผนึกกำลังดันไทยเป็นฮับสื่อนอกบ้านแห่งเอเชีย

ด้วยเหตุผลที่ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยมในแง่ของโลจิสติก การเปิดเสรีทางการค้าหรือเอฟทีเอ และมีค่าแรงที่ถูกกว่าประเทศอื่น ๆ ผนวกกับธุรกิจป้ายและโฆษณาไทยมีความโดดเด่นในเรื่องไอเดียความคิดสร้างสรรค์ซึ่งนักครีเอทของไทยจะติดท็อปเทนของโลกทุกปี สิ่งเหล่านี้จึงเหมาะแก่การที่จะใช้ไทยเป็นฮับหรือประตูธุรกิจป้ายและโฆษณาสู่เอเชีย

แน่นอนว่าการจะก้าวขึ้นเป็นฮับแห่งเอเชียในธุรกิจนี้ได้ นานาประเทศจากทั่วโลกต้องให้การยอมรับประเทศไทยด้วย ดังนั้นการจัดโซน Global Pavilion เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับบรรดาสมาคมประเทศสมาชิกในเอเชีย องค์กรสมาคมธุรกิจป้ายและโฆษณาในอเมริกา (ISA), สมาคมธุรกิจป้ายและโฆษณาในทวีปยุโรป (EVL) และอื่น ๆ เข้ามาแลกเปลี่ยน

"สำหรับในปี เราตั้งเป้าจะใช้เวทีนี้ เป็นศูนย์กลางที่จะนำสมาคมและสมาชิกผู้ประกอบการสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยของไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก เทียบเท่า ISA ของอเมริกาให้ได้ภายใน 5 ปีนี้ เพราะเราจะทุ่มสรรพกำลังและศักยภาพในงานนี้ให้เต็มที่" นภดล ตัณศลารักษ์ นายกสมาคมผู้ผลิตและป้ายโฆษณา (ASPA) กล่าวถึงเป้าหมายภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ไป

ในส่วนของผู้เข้าร่วมงานคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเจรจาซื้อขายและพบกันในระดับธุรกิจกับธุรกิจ (B2B Meeting) และในระดับสมาคมกับสมาคมด้วยกัน (A2A Meeting) สิ่งหนึ่งที่ได้จากงานนี้คือเม็ดเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าที่สูงกว่าปีที่แล้วที่มีเม็ดเงินสะพัดหลังจากปิดงานแล้วอยู่ที่ 750 ล้านบาท เพราะมีประเทศที่เข้าร่วมการจัดแสดงงานครั้งนี้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ทั้งไทย ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ไทเป จีน และที่อยู่ระหว่างการเจรจาได้แก่ ปากีสถาน ญี่ปุ่น รวมไปถึงกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกาด้วย

อย่างไรก็ตามในบรรดากลุ่มประเทศในแถบเอเชียที่เข้าร่วม อย่างประเทศจีน หรือญี่ปุ่นเอง ทางฝ่ายไทยมองว่าศักยภาพตลาดและอำนาจการผลิตที่มีสูงจะกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของการเป็นฮับแห่งเอเชียของไทย ดังนั้นการดึงประเทศเหล่านี้มาเข้าร่วมงานด้วย เพื่อเปลี่ยนจากศัตรูคู่แข่งมาเป็นพันธมิตร และใช้โอกาสเรียนรู้ถึงประสิทธิภาพและศักยภาพของประเทศคู่แข่งล้ำหน้าหรือเหนือกว่าไทยขนาดไหนด้วย

นอกจากนี้วิทยาการที่ล้ำหน้าจากประเทศที่มีนวัตกรรมในการผลิตป้ายและโฆษณาที่ทันสมัยอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี, สิงคโปร์, สมาคม ISA ของสหรัฐอเมริกา และ EVL จากสหภาพยุโรปจะถูกแลกเปลี่ยนกันภายในงานนี้อีกด้วย ซึ่งงานนี้จะเป็นโอกาสทองของผู้ผลิตและผู้ประกอบการจะนำความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าและบริการของตนให้มีคุณภาพและมาตรฐานทัดเทียมระดับสากลอีกด้วย.

5 โซนดันไทยเทียบชั้นเวิร์ลดคลาส

1.Material Suppliers Zone เป็นพื้นที่แสดงสินค้าสำหรับบริษัทผู้ค้าวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมป้ายและโฆษณา ทั้งในและต่างประเทศ เช่น หมึกพิมพ์ ตลับหมึก สติ๊กเกอร์ ไวนิล ฯลฯ

2.Out of Home Media & Fabricator พื้นที่แสดงนวัตกรรมสื่อโฆษณากลางแจ้ง เช่น บิลบอร์ด ไตรวิชั่น LED ป้ายโฆษณาตามท้องถนนต่าง ๆ และผู้ผลิตป้ายโฆษณาชั้นนำ

3.Display & Advertising พื้นที่แสดงถึงสื่อโฆษณา ณ จุดขาย หรือ ณ จุดแสดงสิค้าและผลิตภัณฑ์ทุกชนิด

4.Large Format Printing Service พื้นที่แสดงการให้บริการการพิมพ์แบบครบวงจร

5.Printing Technology พื้นที่แสดงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของการพิมพ์ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โดยมีการแสดงเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถพิมพ์บนพื้นผิววัสดุหลากหลายขึ้น

นอกจากนี้เพื่อให้ไทยเป็นฮับ ประตูสู่อุตสาหกรรมป้ายและโฆษณาของเอเชีย จึงได้จัดให้มีส่วนของกิจกรรมพิเศษ S.A.E Business Matching Program ซึ่งเป็นเวทีการนัดพบเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ร่วมออกงานแสดงสินค้ากับนักธุรกิจในวงการทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย