สวัสดิ์เป็นคนไดนามิคตลอด 24 ชั่วโมง ลูกน้องคนสนิทของสวัสดิ์ หอรุ่งเรืองในกลุ่มนครไทยคนหนึ่งพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของนายคนนี้ของเขาให้
"ผู้จัดการ" รับรู้
สวัสดิ์อายุ 48 ปีปีนี้ เป็นคนเรียนน้อย แค่ ม. 6 พูดภาษาอังกฤษได้คล่องราวกับคนจบมาจากต่างประเทศ
ผมหงอกขาวเกินวัย คล่องแคล่ว เป็นกันเองกับทุกคน ประสบการณ์ชีวิตที่ทำงานในโรงงานมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น
สอนให้เขาเป็นนักอุตสาหกรรมทั้งชีวิตจิตใจ และรู้จักเป็นนักฉวยโอกาสที่ดี
เขาเคยพูดกับ "ผู้จัดการ" ในเชิงให้ทัศนะว่า "การเป็นนักอุตสาหกรรมต้องเป็นคนที่เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกให้ทัน
และสามารถปรับตัวเองได้ตลอดเวลา ตัวอย่างในทัศนะนี้เขายกกรณีชนรุ่นบรรพบุรุษที่มักจะติดยึดวัฒนธรรมเก่า
ๆ แบบ OVERSEA CHINESE ในการทำธุรกิจ แม้ประสบความสำเร็จมาจนทุกวันนี้ โดยอ้างว่า
มาจากเสื่อผืนหมอนใบนั้นเป็นสิ่งที่ควรต่อต้านทัศนะเหล่านี้ เพราะเขาเชื่อว่า
ยุคสมัยปัจจุบัน ความอดทนอย่างเดียวไม่พอแล้วต่อความสำเร็จ มันต้องมีองค์ประกอบของความรู้ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและวัฒนธรรมการจัดการสมัยใหม่ด้วย
ทัศนะของเขาเช่นนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากความสำเร็จในการบริหารกิจการนครไทยสตีลจากจุดเริ่มต้นที่มีหนี้สินรุงรังแทบล้มละลาย
มาจนกระทั่งฟื้นตัวได้ภายในเวลาเพียง 6 ปี และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในต้นทศวรรษที่
1990 นี้
คนที่ไดนามิคอยู่ตลอดเวลา เป็นบุคลิกที่สะท้อนแง่หนึ่งของคนในการเตรียมพร้อมเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
สวัสดิ์เป็นคนที่มีบุคลิกสังกัดอยู่คนประเภทนี้
ปี 2524 แม้จะอยู่ในภาวะที่ธุรกิจของเขาร่วมกับพี่ชายและพ่อในนามนครไทย
สตีลเวอร์ค ยังไม่มีสุขภาพแข็งแรงนัก แต่เขามองเห็นอนาคตและวิวัฒนาการของสินค้าเหล็กเส้นที่จะต้องก้าวต่อไปทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิตและความต้องการของตลาด
"เราจะอยู่ในระบบการผลิตแบบรีดซ้ำอย่างเดียวไม่ได้ อนาคตมันมืด ต้องก้าวออกไปให้ได้
ต้นทุนการผลิตนับวันจะแพง โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะวัตถุดิบเศษเหล็ก
COBBLE PLATE ต้องสั่งจากต่างประเทศ SHIP PLATE นับวันก็น้อยลง น้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตก็แพง
2523-2524 ที่ผู้ผลิตเหล็กรีดซ้ำประสบ
สินค้าเหล็กเส้นจากการผลิตแบบ RE-ROLL หรือรีดซ้ำคุณภาพไม่ค่อยได้มาตรฐานขนาดอย่างดีที่สุดก็เพียงแค่
25 มม. X 10 มม. เท่านั้น ขณะที่แนวโน้มตลาดนับวันงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ๆ
ที่ต้องการเหล็กเส้นคุณภาพสูงที่เหล็ก RE-ROLL ทำไม่ได้จะต้องเกิดขึ้นอย่างมากแน่นอน
"ผมเชื่อในทิศทางตลาดนี้ แต่ผมบอกไม่ได้ว่ามันจะบูมขึ้นมาเมื่อไร"
สวัสดิ์พูดถึงความเชื่อของเขาในระหว่างปี 2524
จุดนี้เองที่ทำให้เขากับนักอุตสาหกรรมผลิตเหล็กรีดซ้ำบางราย รวมกลุ่มกันจัดทำโครงการเหล็กสมบูรณ์แบบ
(INTEGRATED STEEL COMPLEX) ขึ้นที่ภาคตะวันออก ด้วยงบลงทุน 1,200 ล้านบาท
เมื่อปี 2524 ในนามบริษัทเหล็กทิปโก้
วัตถุดิบที่จะป้อนอุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นระบบเตาหลอม ที่มาจากการสกัดเศษเหล็กมาจากเรือเรียกว่า
SHIP PLATE โดยจะทำกันกลางทะเลเลย เมื่อได้วัตถุดิบ SHIP PLATE แล้ว ก็จะเข้าเตาหลอม
ผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กชนิดต่าง ๆ ป้อนงานก่อสร้างและอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์
"ถ้าโครงการนี้เกิดได้ การขาดแคลนเหล็กเส้นเพื่องานก่อสร้างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย"
เหตุที่โครงการเหล็กของบริษัททิปโก้ไม่เกิด เพราะสถาบันการเงินไม่สนับสนุนว่ากันว่าเหตุมาจากความไม่น่าเชื่อถือในเครดิตของกลุ่มผู้ลงทุน
และความไม่มีอนาคตของธุรกิจเหล็กเส้นรีดซ้ำในเวลานั้น
ความล้มเหลวในโครงการเหล็กทิปโก้ ไม่ทำให้สวัสดิ์ท้อแท้ใจ หรือหยุดคิด
เขาเก็บความทะเยอทะยานไว้ในใจว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องมีโรงเหล็กที่ทันสมัยกว่า
RE-ROLL ให้ได้!
ความทะเยอทะยานของเขาในสิ่งนี้ เป็นความจริงแล้วในปี 2532 หลังจากฝ่าฟันมรสุมหนี้สินแทบกระอักเลือด
หลังจากแยกทางทำมาหากินจากพี่ชายคนโตที่ชื่อวสันต์ ซึ่งมีอายุแก่กว่าเขาถึง
20 ปี เพื่อมาสร้างกลุ่มนครไทย ตามลำพังร่วมกับน้องชายที่ชื่อไสว หอรุ่งเรือง
โรงเหล็กเตาหลอมมูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท ที่เขาดึงกลุ่มซิ-โนไทย ของชวรัตน์
ชาญวีรางกูล และสุมิโตโมแห่งญี่ปุ่นมาร่วมหุ้น โดยเอา ดร. สุธี สิงห์เสน่ห์ประธานกรรมการไอเอฟซีที
มานั่งเป็นที่ปรึกษาด้วย คือประจักษ์พยานที่ทำให้ความทะเยอทะยานของเขาเป็นจริง
"ผมจะอยู่ในธุรกิจเหล็กตลอดชีวิตของผม" เป็นคำพูดที่บ่งบอกถึง
ทิศทางหลักของกลุ่มนครไทยที่เขาควบคุมดูแลอยู่ชัดเจน แม้ว่าจะมีบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อย
4 บริษัท ที่ก่อตั้งขึ้นมาในช่วงปี 2531 เป็นต้นมา หันไปทำธุรกิจที่ไม่ใช่เหล็กคือ
พวกพัฒนาที่ดินก็ตาม
จริง ๆ แล้ว "ผู้จัดการ" ได้ทราบทัศนะทางนโยบายของกลุ่มนี้ที่ทำธุรกิจพัฒนาที่ดินนั้นก็เพราะเหตุผล
หนึ่ง-มาจากความต้องการหาสถานที่ก่อสร้างโรงงานเหล็กเส้น เตาหลอม 5,000 ล้านบาท
เพื่อขายภายในและส่งออก และสอง-เป็นการฉวยโอกาสทางธุรกิจในยามที่กระแสความต้องการที่ดินเพื่อสร้างโรงงานมีอยู่สูงมาก
ธุรกิจพัฒนาที่ดินทั้ง 2 โครงการของสวัสดิ์คือมาบตาพุดและบ่อวิน ศรีราชา
เนื้อที่รวมกัน 5,000 ไร่ จึงมีเป้าหมายเพื่อทำเป็นนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึกขนาด
50,000 ตัน (ในนามบริษัทศรีราชาฮาเบอร์)
แน่นอน การพัฒนาที่ดิน 5,000 ไร่ ตามโครงการในแผนงานนี้ เขาต้องหาเงินมาลงทุนเกือบ
10,000 ล้านบาท
แทบไม่น่าเชื่อ เพียง 3 ปี นับจากวันที่เขาฟื้นตัวจากธุรกิจโรงเหล็กนครไทยสตีล
เขาสามารถขยายธุรกิจออกไปได้รวดเร็วถึงหมื่นล้านบาท …มันเป็นการฉวยโอกาสทองที่ภาวการณ์ลงทุนในประเทศไทยกำลังดีวันดีคืนได้ฉลาด
และกล้าได้กล้าเสียอย่างที่สุด