|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"แสนสิริ" เร่งปั้นแบรนด์ "บ้านพร้อมพัฒนาฯ" เพิ่มแชร์-อุดช่องว่างตลาดล่าง หลังน้ำมันขึ้น-ดอกเบี้ยแพง-เงินเฟ้อปรับตัว ลูกค้ากำลังซื้อหดส่งผลฐานลูกค้าตลาดล่างขยายตัว ขณะที่ลูกค้าบ้านแพงชะลอการซื้อยอดขายตลาดบนอืด พร้อมดึงแบรนด์แม่การันตี หวังสร้างความเชื่อมั่นดึงลูกค้าในพื้นที่ เผยไตรมาส3ปี 2550 ผุดเพิ่มโครงการต่อเนื่องเฟส2 อีกกว่า 100ยูนิตบนเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมเตรียมผุดคอนโดฯราคาถูกแบรนด์พร้อมพัฒนาฯ หากพบความต้องการลูกค้าขยับตัวสูง
ในภาวะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง จากการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ความสามารถในการผ่อนชำระของผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ในตลาดลดน้อยลง ประกอบกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคช้าออกไป นอกจากนี้ กำลังซื้อที่ลดลงทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ หันมาพิจารณาความสามารถในการซื้อบ้าน โดยหันมาซื้อบ้านในระดับราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อและโอกาสที่จะผ่อนชำระในอนาคต
นายวิโรจน์ กัปปิยจรรยา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พร็อพพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าบ้านระดับบนชะลอการซื้อออกไป ส่วนลูกค้าระดับกลางก็มีกำลังซื้อที่ลดลง และหันมาเลือกซื้อบ้านในระดับราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ และกำลังการผ่อนของตนเอง ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่างขยายตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันแสนสิริบริษัทแม่ ซึ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบน ได้มีแผนในการขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยได้แตกแบรนด์ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯเข้ามาพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมรองรับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง
โดยมีการวางตำแหน่งให้บริษัทพลัส ฯ เข้ามาทำทาวน์เฮาส์ตลาดกลาง ระดับราคา3-6 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง 2-4 ล้านบาท เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งของยอดขายในตลาดระดับกลาง ในขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยว บริษัทแสนสิริฯ จะรับหน้าที่ในการพัฒนาบ้านเดี่ยว เจาะกลุ่มลูกค้า ทั้งตลาดกลางและบนระดับราคาเริ่มต้น 3 - 20 กว่าล้านบาท แต่ที่ผ่านมากลุ่มแสนสิริ ยังมีช่องโหว่ทางการตลาดอยู่ คือกลุ่มตลาดกลางลงล่าง ในระดับราคา 3 ล้านบาทลงไป ซึ่งเรื่องดังกล่าว กลุ่มแสนสิริมีการศึกษาและมองหาช่องทางการตลาดดังกล่าวมาโดยตลอด
ล่าสุด บริษัทแสนสิริฯได้แตกแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ บ้านพร้อมพัฒนา โดยอยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พร้อมพัฒนาฯ โดยมีแสนสิริเป็นผู้ถือหุ้น100% เพื่อเข้ามาพัฒนาบ้านเดี่ยว ระดับ2.5 -3 ล้านบาท และบ้านแฝดระดับราคา 1-2 ล้านบาท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่ออุดช่องว่างทางการตลาด และ เพิ่มแชร์ในตลาดกลางลงล่างให้กับกลุ่มแสนสิริ
นอกจากนี้ หากในอนาคตความต้องการของลูกค้าในกลุ่มระดับกลางลงล่างขยายตัว บริษัทมีแผนลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ในช่วงแรกๆ การทำตลาดของ พร้อมพัฒนาฯ จะยังอาศัยชื่อและศักยภาพของแบรนด์ แสนสิริในการทำตลาด เพื่อสร้างความมั่นใจแลัสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กลุ่มลูกค้าด้วย
ทั้งนี้ จากการศึกษา พฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าในตลาดที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง และสถาบันการเงินเองก็เข้มงวดในการปล่อยกู้สินเชื่อโครงการ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เข้ามาคุมระบบการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์มากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ยากขึ้น ส่งผลต่อผู้ประกอบการรายเล็กที่มีทุนในการพัฒนาจำกัด ขาดสภาพคล่อง
" ในช่วงแรกที่เปิดโครงการ ลูกค้าเข้ามาดูโครงการ และถามว่าเป็นโครงการของแสนสิริจริงหรือ เพราะแสนสิริพัฒนาเฉพาะบ้านระดับบน ซึ่งทางบริษัทพยายามอธิบายว่าเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ มีบางรายถามถึงใบจดทะเบียนตั้งบริษัทด้วย แต่พอรู้ว่าเราเป็นบริษัทลูกของแสนริสิก็ตัดสินใจซื้อกับโครงการ แม้ว่าจะเป็นการจองกระดาษเปล่ายังไม่เห็นความคืบหน้าในการก่อสร้างบ้านในโครงการ จากประเด็นดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แบรนด์มีผลต่อความมั่นใจ และการตัดสินใจซื้อของลูกค้ามาก " นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์กล่าวว่า สำหรับโครงการบ้าน พร้อมพัฒนา รามอินทราเฟสแรกนี้ เปิดขายมากว่า 1 เดือนและมียอดขายแล้ว 100 ยูนิต จากจำนวนบ้านที่เปิดขายในโครงการรวม 499 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 100 ยูนิต และบ้านแฝด 399 ยูนิต โดยยอดในช่วงที่ผ่านมาแบ่งเป็นบ้านแฝด 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นยอดขายจากบ้านเดี่ยว และคาดว่าสิ้นปี จะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 200 ยูนิต โดยทั้งโครงการพัฒนาบนเนื้อที่ 430 ไร่ แบ่งออกเป็น 4 เฟส ซึ่งเฟสแรกได้ใช้พื้นที่ในการพัฒนาไปแล้ว 100 ไร่ และในไตรมาสที่3 ของปี 2550 คาดว่าจะเปิดโครงการในเฟสที่ 2 อีก 60ไร่ จำนวน 100 ยูนิต รูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ส่วนทาวน์เฮาส์นั้นจะไม่มีการพัฒนา เนื่องจาก พลัส ฯซึ่งเป็นบริษัทในเครือรับหน้าที่ในการทำตลาดนี้อยู่ นอกจากนี้ บริษัทฯได้ซื้อที่ดิน 80 ไร่ ในโซนวงแหวนใต้ เพื่อพัฒนาโครงการเพิ่ม
|
|
|
|
|