|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดชาเขียวก้าวสู่ขาลงปีนี้มูลค่าหด 800 ล้านบาท เหลือเพียง 3.7พันล้านบาท “ยูนิฟ” เตรียมบ่ายหน้ารบสมรภูมิบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 หมื่นล้านบาท นำเข้าบะหมี่ยูนิฟบรรจุภัณฑ์โบลว์หยั่งเชิงตลาดก่อน อีก 2 ปีพร้อมลงตลาดอาหารเต็มรูปแบบ ชี้หากกระตุกหนวดเสือ”มาม่า-ไวไว-ยำยำ”ปักเสาเข็มผลิตในไทย ล่าสุดทุ่มงบตลาด 300 ล้านบาท บูมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ส่วนชาเขียวเล็งปั้นลงเซกเมนต์ใหม่กู้แชร์ฟื้นจาก 15% เป็น 30% สิ้นปีนี้ ขณะที่รายได้รวมกวาด 1.4 พันล้านบาท
นายทีเซิน หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มยูนิฟ และน้ำผักผลไม้ เปิดเผยว่า ภายในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้เตรียมนำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา”ยูนิฟ”หนึ่งในสินค้ากลุ่มอาหารจากประเทศไต้หวันเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย นำร่อง ก่อนที่อีก 2 ปีข้างหน้านี้บริษัทจะรุกตลาดอาหารอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการโดดลงตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท บริษัทได้เลือกบรรจุภัณฑ์โบลว์หรือชามเข้ามาทดลองตลาดก่อน ซึ่งมีแผนจะจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ ทั้งนี้หากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยูนิฟได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บริษัทจะผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นที่ประเทศไทย
การที่บริษัทหันมารุกธุรกิจกลุ่มอาหารมากขึ้น ก็เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงสร้างรายได้หลัก 30%ของบริษัทมาจากธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้ตรายูนิฟ ซึ่งสภาพตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทยอยู่ในช่วงขาลง ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2548 โดยคาดว่าปีนี้มูลค่าตลาดชาเขียวลดลงเหลือเป็น 3,700 ล้านบาท จากเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมามีมูลค่า 4,500 ล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของยูนิฟก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2548 มีส่วนแบ่ง 25% ล่าสุดส่วนแบ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาลดลงเหลือเป็น 15% ทั้งนี้เพราะขาดการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเน้นปรับระบบการผลิตใหม่อะเซพติค โคล ฟิลลิ่ง
นโยบายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ยูนิฟปีนี้ บริษัททุ่มงบ 300 ล้านบาทในการทำตลาด โดยแบ่งการให้ความสำคัญเป็น 3 ลำดับ ประกอบด้วย ลำดับแรก โฟกัสกลุ่มชาเขียว-น้ำผักและผลไม้ สำหรับในกลุ่มชาเขียวในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 30% ด้วยการชูระบบอะเซพติค เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้คงคุณค่า รักษากลิ่นและรสชาติแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้ใช้งบลงทุน 1.3 พันล้านบาท พร้อมทั้งการออกรสชาติใหม่ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งจัดกิจกรรมการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ส่วนกลุ่มน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันยูนิฟครองส่วนแบ่งถึง 34% จากมูลค่า 1,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80 % จากมูลค่าตลาดรวม 2,200 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้เตรียมเปิดตัวรสชาติใหม่ๆ
นายทีเซิน หยาง กล่าวว่า ส่วนกลุ่มธุรกิจลำดับสอง ต่อไป คือ น้ำผลไม้ และสปอร์ตดริ้งก์ ซึ่งในกลุ่มน้ำผลไม้ยูนิฟเป็นผู้นำตลาดอันดับสองมีส่วนแบ่ง 18% จากมูลค่าตลาดน้ำผลไม้ระดับบน 440 ล้านบาท ส่วนสปอร์ตดริงก์ ภายใต้แบรนด์ยูนิฟ ไอเฟิร์ม เป็นอันดับสี่ของตลาด มีส่วนแบ่งตลาด 5% สิ้นปีเพิ่มเป็น 6-7% จากมูลค่าตลาดในปีที่ผ่านมา 220 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามูลค่าตลาดสปอร์ตดริงก์จะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ส่วนธุรกิจลำดับสาม คือ การรุกตลาดชาพร้อมดื่มในเซกเมนต์ใหม่ นอกจากเหนือจากชาเขียว ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบาร์เลย์แบล็คทีหรือชาดำผสมข้าวบาร์เลย์ เนื่องจากแนวโน้มตลาดชาดำและอื่นๆ อาทิ ชาอูล่ง ชานม ขยายตัวสูง โดยคาดว่าปีนี้สัดส่วนตลาดจะเพิ่มจาก 5% เป็นกว่า 20% ในขณะที่ตลาดชาเขียวสัดส่วนจะลดลงจาก 95% เหลือเป็น 80%
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 1.4 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น ยูนิฟ กรีน ที 30% ยูนิฟน้ำผักและผลไม้ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้พลังงาน ยูนิฟ-ไอเฟิร์ม 10% กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ A-Ha 10% และผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 10% ซึ่งปีนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวนอกเหนือจากกลุ่มชาเขียวพร้อมดื่ม 2-3 รายการ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่บริษัทได้ปรับระบบการผลิตเป็นอะเซพติค มีกำลังการผลิต 6 แสนหีบต่อเดือน ส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิต 5% เมื่อเทียบกับระบบฮอต ฟิล มีกำลังการผลิต 2 แสนหีบต่อเดือน โดยในอนาคตบริษัทได้เตรียมลงทุนเพิ่มไลน์ผลิตอะเซพติค อีก 2 ไลน์ และเครื่องฮอต ฟิล อีก 1 ไลน์
|
|
|
|
|