|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้น MPT รูดต่อเนื่อง ปิดตลาดลดลง 1.02 บาท และเป็นหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุดอันดับ 3 ของตลาด ผลจาก MIL ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MPT แจงกำไรของกลุ่มบริษัทอาจต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากงานส่วนดาต้า สโตเรจ ของกลุ่มบริษัท ฯ มีสินค้าที่สิ้นสุดสายการผลิต เร็วกว่าที่คาดไว้ และเร่งเพิ่มผลิตสินค้าใหม่ ๆ ไม่ได้ทันตามเป้า และออร์เดอร์สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีหัวอ่านเพียงหัวเดียว จะส่งผลให้รายได้คาดว่าจะลดลงของบริษัท จะฉุดให้ผลการดำเนินงานทั้งกลุ่มบริษัทขาดทุน
ราคาหุ้น บริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MPT ) รูดหนักตั้งแต่เปิดตลาด หลังจากผู้ถือหุ้นใหญ่ " แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล" แจ้งว่าการคาดการณ์รายได้ลดส่งผลให้กลุ่มบริษัทขาดทุนในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ราคา 3.38 บาท ขณะที่วันก่อนปิดที่ 3.52 บาท และราคารูดต่อเนื่องปิดตลาดช่วงเช้าที่ 2.50 บาท ลดลง 1.02 บาท คิดเป็น 28.98% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 184.45 ล้านบาท ขณะที่ช่วงบ่ายราคาหุ้นขยับเล็กน้อย โดยลดลงอีกมาอยู่ที่ 2.48 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 198.97 ล้านบาทและปิดตลาดที่ราคา 2.48 บาท ลดลง1.04 บาท คิดเป็นลดลง 29.55 % มูลค่าซื้อขายรวม 200.46 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุดอันดับ 3 ของตลาดวานนี้
นายอัลเบิร์ท ออง กิม กวน กรรมการ บริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MPT ) ได้มีประกาศตามกฎข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่ให้แจ้งข้อมูล ซึ่งอาจมีผลต่อราคาหรือมูลค่าของหลักทรัพย์ของบริษัท ฯจดทะเบียนในวันที่ 6 มิถุนายน 2549 โดยมีเนื้อความดังนี้
"เตือนเรื่องกำไรของบริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คณะกรรมการของบริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (กลุ่มบริษัท ฯ) ขอประกาศภาพรวมของผลการดำเนินงานไตรมาสสองสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ของกลุ่มบริษัท ฯ มีความ เป็นไปได้ว่าจะตํ่ากว่าประมาณการ เนื่องจากบริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)ในส่วนงานดาต้า สโตเรจ ของกลุ่มบริษัท ฯ มีสินค้าที่สิ้นสุดสายการผลิต (End of Life of Product) เร็วกว่าที่คาดไว้ และการเร่งเพิ่มการผลิตสินค้าใหม่ๆ ไม่ได้ทันตามเป้า ประกอบกับ คำสั่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีหัวอ่านเพียงหัวเดียว
ผลประกอบการของ บริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ คิดเป็น 61% ของรายได้ของกลุ่มบริษัท ฯ สำหรับผลประกอบการสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท แมนส์ฟิลด์ ส่วนการผลิตชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์ของ กลุ่มบริษัท ฯ ยังสามารถดำเนินการตามที่ได้ประกาศคาดการณ์ไว้ในผลประกอบการไตรมาสแรก 2549
รายได้ที่คาดว่าจะลดลงของ บริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) จะมีผลทำให้ทั้ง บริษัทแมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด และกลุ่มบริษัท ฯ ขาดทุน ในไตรมาสสอง ปี 2006 นี้
คณะกรรมการบริษัท ฯจะประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสสอง 2006 และการคาดการณ์สำหรับครึ่งปีหลัง ในวันที่ 14 สิงหาคม 2549 โดยคำสั่งของคณะกรรมการนายยอง ค๊อค ฮอน"
บริษัท ฯ ขอชี้แจงว่า ประกาศดังกล่าวเป็นเพียงการเตือนนักลงทุนตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ในเรื่องภาพรวมของการดำเนินงานที่อาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เท่านั้น บริษัท ฯจึงขอแจ้งมายังตลาดหลักทรัพย์ ฯ ถึงประกาศดังกล่าว
ซึ่งบริษัท ฯเห็นว่านักลงทุนในประเทศไทยควรจะได้รับข้อมูลที่เท่าเทียมกันกับนักลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ตามข้อบังคับการให้สารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ ฯ บริษัท ฯ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผลประกอบการของบริษัท ฯ จะเป็นไปตามประกาศดังกล่าวข้างต้นหรือไม่
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง แนะนำถือ MPT โดยรอจังหวะเข้าซื้อหลังมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง อันเป็นผลจากการ บริษัท แมกเนคอมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MPT แจ้งว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2ปี 49 ของกลุ่มบริษัท ฯ มีความเป็นไปได้ว่าจะตํ่ากว่าประมาณการ เนื่องจาก MPT มีสินค้าที่สิ้นสุดสายการผลิต (End of Life of Product) เร็วกว่าที่คาดไว้ และการเร่งเพิ่มการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ไม่ได้ทันตามเป้า ประกอบกับคำสั่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีหัวอ่านเพียงหัวเดียว
กิมเอ็งมีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2/49 รวมถึงต้นทุนการขยายกำลังคนและกำลังการผลิตตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาด้วย อย่างไรก็ดี กิมเอ็งคาดว่าผลกำไรของบริษัทจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของปีนี้ และเติบโตขึ้นอีกในปีหน้าเนื่องจากโอกาสการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจาก Seagate หลังรวม Maxtor เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ " ถือ " โดยรอจังหวะเข้าซื้อหลังมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง
|
|
|
|
|