ผลิตภัณฑ์ คาร์เนชั่น จากเนสท์เล่ หนีพิษเศรษฐกิจ เตรียมแก้เกมหลังต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ผุดผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มแวลูสินค้ากระตุ้นยอด พร้อมปักธงรบลุยนมข้นจืด กระตุ้นเพิ่มวิธีใช้ แนะให้นำไปประกอบอาหารมากยิ่งขึ้น ล่าสุดโหมแคมเปญ Carnation the Reality Hawker 2006 รอบ3 หวังเสริมช่องการขาย กลุ่มร้านกาแฟใหม่ อีก 50 ร้าน มั่นใจสิ้นปียอดขายโตขึ้น 10 %

นายแดเนียล ฟริก รองผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์นม เพื่อการปรุงอาหารและเครื่องปรุงอาหาร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ภายใต้แบรนด์ คาร์เนชั่น เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบต่างๆในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานั้น บริษัทฯถือได้ว่ายังโชคดีที่ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยอดขายกว่า 6 เดือนที่ผ่านยังคงเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ถึงแม้ว่าต้นทุนในส่วนของวัตถุดิบและการขนส่งจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ จะเป็นช่วงที่น่าห่วงอย่างมาก หากต้นทุนยังเพิ่มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันบริษัทฯไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้ จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่ได้มีการปรับราคาไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่มาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์คาร์เนชั่น โดยเฉพาะนมข้นหวาน และนมข้นจืดนั้น ถือเป็นสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์

ดังนั้นบริษัทฯจึงได้วางแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ โดยหันมาออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น ในลักษณะที่สะดวกสำหรับการนำไปใช้ หรือเพิ่มคุณค่าและประโยชน์ในผลิตภัณฑ์นั้นๆมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสามารถปรับราคาในการจำหน่าย เพื่อช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มของนมข้นจืดนั้น ปีนี้บริษัทฯจะยังคงเน้นการทำตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการนำไปประกอบอาหารใหม่ๆ จากเดิมที่ประสบความสำเร็จจากโฆษณาในการนำไปผสมกับไข่แล้วนำไปเจียว หรือแม้แต่การนำไปหมักเนื้อ ก่อนนำไปทอด

นอกจากนี้ในส่วนของช่องทางการขายในปีนี้นั้น บริษัทฯยังคงจัดโครงการ Carnation the Reality Hawker 2006 ขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เพื่อขยายโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่ม แต่ยังไม่เคยทำมาก่อน จับกลุ่มร้านกาแฟขนาดระดับกลางถึงขนาดเล็ก โดยในปีนี้วางไว้ที่ 50 ร้าน ทั้งในแบบ รถเข็น คีออส และค๊อฟฟี่ช้อป จากเดิมในปีที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวจะเน้นจับกลุ่มนักศึกษากว่า 70 สถาบัน ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีการเปิดจำหน่ายอยู่กว่า 20-30 ร้าน

ทั้งนี้ตลอดทั้งปี บริษัทวางงบการตลาดไว้กว่า 60 ล้านบาท สำหรับนมข้นจืด 35 ล้านบาท และนมข้นหวาน 25 ล้านบาท โดยในส่วนของของนมข้นจืดนั้นจะเน้นทางด้านกิจกรรมและพัฒนาการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้มากยิ่งขึ้น ส่วนนมข้นหวานจะเน้นการนำ POP (Point Of Purchase) ไปประดับตามรถหรือร้านที่ขายโรตี สังขยา อาหาร และเครื่องดื่ม

อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตเพียง 10 % จากปีที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายกว่า 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็น นมข้นหวาน 50 % และนมข้นจืด 50 % ในขณะที่ในปีที่ผ่านมา ยอดขายในกลุ่มนมข้นจืดเติบโตขึ้น 10 % ส่วนนมข้นหวานโตเพียง 5-7 %