Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 มิถุนายน 2549
เพอร์เฟคลุ้นรถไฟฟ้าเพิ่มค่าที่ดินเกือบ80%เกาะตามแนว-ลดเพดานทำบ้านเดี่ยว3.7ลบ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

   
search resources

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
ชายนิด โง้วศิริมณี
Real Estate




บิ๊กพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯเตรียมรับส้มหล่น หากรถไฟฟ้าเกิด หลังแลนด์แบงก์เกือบ 80% ของในมืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า พร้อมปรับตัวรับสถานการณ์ราคาน้ำมัน-ดอกเบี้ยพุ่ง โหมทำตลาดสินค้าบ้านระดับราคาเฉลี่ย 3.7 ล้านบาท ยันเป็นระดับที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ เผยแนวโน้มยอดขายครึ่งปีแรกกว่า 3,400 ล้านบาท เกินกว่าที่คาดไว้ พร้อมตั้งเป้ายอด ขายปีนี้ 8,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการบ้านเดี่ยว มั่นใจยอดขายปีนี้โต 25-30% จากปีก่อน หลังรับรู้รายได้จากโครงการเมโทร พาร์ค เฟส 1 ประมาณ 1,500 ล้านบาท

นายชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯต้องปรับตัว เพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะหันมาเน้นทำตลาดสินค้าระดับราคาเฉลี่ย 3.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่ลดลงจากปีก่อนที่ราคาขายสินค้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.7 ล้านบาท

'โดยระดับราคาสินค้าที่เฉลี่ย 3.4 ล้านบาท นั้นถือว่าเป็นราคาที่รองรับภาวะน้ำมันรวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในขณะนี้ได้' นายชายนิดกล่าว

สำหรับเรื่องโครงการรถไฟฟ้า นายชายนิดกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)จะอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง และก็มีแผนการรองรับโดยการซื้อที่ดินบริเวณแนวรถไฟฟ้าผ่านเพื่อพัฒนาโครงการ ซึ่งบริษัทมีที่ดินอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้าผ่านถึงประมาณ 80% ของที่ดินทั้งหมด โดยบริษัทมีที่ดินรอพัฒนา (Land Bank) ถือครองอยู่ 2,433 ไร่ เป็นที่ดินในย่านร่มเกล้า แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด สามารถรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า

'เดิมก่อนซื้อที่ดินก็ได้มีการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง 80% ของที่ดินอยู่แนวรถไฟฟ้าผ่าน ซึ่งที่ดินสุวรรณภูมิ บริษัทมีอยู่ 4-5 โครงการ และบริเวณรถไฟสายสีม่วงมีอยู่ประมาณ 7-8 โครงการ เพราะฉะนั้นหากโครงการรัฐบาลเกิด บริษัทก็จะได้ประโยชน์มาก' นายชายนิด กล่าว

นายชายนิด กล่าวถึงยอดขายตั้งแต่ในช่วงต้นปีจนถึงเดือนมิ.ย.คาดว่า จะมียอดขายประมาณ 3,400-3,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43% ของรายได้รวม ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ครึ่งปีแรกจะมียอดขายประมาณ 40% และในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 60%

พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่จะมาจากโครงการบ้านเดี่ยว ประมาณ 6,000 ล้านบาทและจากโครงการคอนโดมีเนียม ประมาณ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่ายอดขายในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 25-30% จากปีก่อน โดยส่วนหนึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมีเนียม เมโทร พาร์ค สาทร เฟส 1 จำนวนประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท และจากโครงการบ้านเดี่ยว ในขณะเดียวกัน จะมีการเปิดโครงการคอนโดมีเนียม เมโทร พาร์ค สาทร เฟส 2 ในเดือนก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมีแผนจะขึ้นราคาขายบ้านเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ของราคาขายเดิมในโครงการที่ประสบความสำเร็จ คือ โครงการเพอร์เฟคมาสเตอร์พีซ เอกมัย-รามอินทรา โครงการเพอร์เฟคเพลส รามคำแหง โครงการเพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77 โครงการมณีรินทร์ 345 และโครงการคอนโดฯ เมโทร เพลส เฟสที่ 1 โดยแต่ละโครงการจะปรับราคาขึ้น 5% ขณะที่โครงการคอนโดฯ เมโทรพาร์คจะปรับราคาขายขึ้นอีก 10% ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากแต่ละโครงการมีจุดแข็งอยู่ที่ทำเลสาเหตุที่บริษัทขึ้นราคาขายบ้าน เนื่องจากต้องการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้ให้เพิ่มเป็น 35% เท่ากับปีที่แล้ว หลังจากไตรมาสที่ 1 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงอยู่ที่ 31.81% ลดลง 4.88% เมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสเดียวของปี 48

โดย ปีนี้บริษัทน่าจะมียอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 15% เทียบกับ 4,900 ล้านบาทในปี 2548 ซึ่งเป็นการปรับเป้าหมายรับรู้รายได้ลงจากเดิมที่ประเมินว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us