จนถึงวันนี้ ดูราวกับว่ากิจกรรมของ
มูลนิธิ "โตโยต้า แห่งประเทศไทย"
จะเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แล้วหลายคน
แม้ไม่ได้ใช้รถโตโยต้า แต่มีส่วนร่วม
ในกิจกรรมต่างๆ ที่มูลนิธิจัดมาอย่างต่อเนื่องนับเป็นการใช้กลไกแห่งสาธารณประโยชน์
สร้างสื่อความสัมพันธ์ด้านลึกกับผู้บริโภค และตอกย้ำแบรนด์เนม ที่ได้ผลอย่างมากๆ
บริษัทหนึ่งในเมืองไทย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย (Toyota Thailand Foun-dation - TTF) แจ้งเกิดในเมืองไทย
เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นปีที่ดำเนินงานมาครบรอบ 30 ปีพอดี และได้เก็บเกี่ยวเม็ดเงินผลกำไรไปแล้วหลายร้อยล้านบาท
มีเงินทุนจดทะบียนเริ่ม แรก 30 ล้านบาท กับปณิธาน ที่สำคัญว่า จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสังคมที่ดี
ด้วยการส่งเสริมในด้านคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และการศึกษา
ตลอดเวลา ที่ผ่านมา มูลนิธิได้จัดให้มีโครงการต่อเนื่องมากมายหลายโครงการ
มีกลยุทธ์ ที่ทำให้แต่ละโครงการเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ด้วยการทุ่มงบประมาณทำสปอตโฆษณาประชา
สัมพันธ์ ที่สวยงาม มีเนื้อหา และใจความ ที่ลึกซึ้งกินใจผ่านสื่อทีวี และสื่ออื่นๆ
ไปสู่ผู้คนกว่า 60 ล้านคนพร้อมๆ กัน เช่น สปอตโฆษณาของโครงการ "กองทุนหมุนเวียนนักเรียนพยาบาลในเขตจังหวัดภาคเหนือ"
สปอตโฆษณา "โครงการอาหารกลางวัน หนูรักผักสีเขียว" และโครงการ "ต้นน้ำ-ต้นชีวิต"
นอกจากนั้น ยังมีโครงการ และกิจกรรมพิเศษ ที่ร่วมกับองค์กรต่างๆ อีกเช่น
โครงการ "พ่อแม่อุปถัมภ์" ร่วมกับมูลนิธิ หมอเสม พริ้งพวงแก้ว โครงการ "บ้านตะวันใหม่"
ร่วมกับมูลนิธิป้องกัน และปราบปรามยาเสพย์ติด รวมทั้งทุนการศึกษาต่างๆ อีกหลายทุน
วันนี้ภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่งของมูลนิธิ ก็คือ ดำเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภายใต้โครงการ "ตามรอยพระราชปณิธาน" ซึ่งมากมายหลายกิจกรรม
โครงการ "หนังสือมือสอง" เป็นหนึ่งในกิจกรรมนั้น ที่ ใช้เวลาประมาณ 5 เดือน
ในการรวบรวมหนังสือ ที่ใช้แล้วคุณภาพ ยังดี และมีสารประโยชน์ต่อเด็กวัยเรียน
โดยมอบผ่านโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ 234 แห่ง ครั้งแรกผ่านไปแล้ว
และยังมีการรับบริจาคไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ภาพของกองหนังสือมหึมา ที่ได้รับบริจาค ที่ปรากฏอยู่แทนพื้นที่โฆษณารถ ตามสื่อต่างๆ
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความ ตั้งใจจริงในการทำงานของมูลนิธิ ที่แทบไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ
.เมื่อเร็วๆ นี้ ทางมูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือ ที่สำคัญอีก 2 เรื่อง ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
และเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของโครงการตามรอยพระราชปณิธาน คือ
"หนังสือเฉลิมพระเกียรติคู่มือการพัฒนาอาหาร เพื่อ เด็กในโรงเรียน และชุมชน
ประสบการณ์จากการดำเนินงาน โครงการหนูรักผักสีเขียว" หนังสือเล่มนี้เป็นการประมวล และสังเคราะห์
เรียบเรียงประสบการณ์ ซึ่งมีทั้งผลสำเร็จ อุปสรรค ของหลายฝ่ายในโครงการ "หนูรักผักสีเขียว"
เป็นเวลา 5 ปี มีนักเรียนในโครงการ 90,000 คน จาก 409 โรงเรียน พื้นที่ดำเนิน
งาน 15 จังหวัด
ผู้บริหารโรงเรียน ผู้นำชุมชนเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงาน เพื่อเด็กสามารถนำไปเป็นคู่มือการปฏิบัติได้
เป็นอย่างดี
อีกเล่มหนึ่ง ที่น่าสนใจอย่างมากๆ และกำลังจัดพิมพ์เป็นครั้ง ที่ 2 ในเดือนตุลาคม
2543 ที่ผ่านมา คือ "คำพ่อสอน" ซึ่งประมวลพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสเกี่ยวกับเด็ก และเยาวชน
ที่ได้ทรงพระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ นับตั้งแต่ทรงครองสิริราชสมบัติจนถึงปัจจุบัน
รายได้ของมูลนิธิส่วนใหญ่มาจากดอกผลของเงินฝาก ที่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์แห่งประเทศไทย
ได้ทยอยบริจาคทุกปี ปัจจุบันเป็นเงินถึง 250 ล้านบาท
อาจจะเป็นสัดส่วนการคืนกำไรแก่สังคมเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายของโตโยต้าในแต่ละปี
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อประชาชนส่วนหนึ่งยังหวังการพึ่งพิงจากรัฐบาลไม่ได้ โครงการที่ดีๆ
เช่นนี้ จึงน่าจะเป็นแบบอย่างให้กับอีกหลายๆองค์กร