โรงภาพยนตร์รับกระแสหนังไทยบูม เล็งเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง "เมเจอร์ฯ" แชมป์เปิดสาขาใหม่ปีก่อน
6 แห่ง 60 โรง ปีนี้ประกาศลุยเพิ่มอีก 2 แห่ง เล็งทำเลแจ้งวัฒนะ ชี้ตลาด
หนังไทยใหญ่กว่าฮอลลีวูด หากหนังโดนใจผู้ชม คาดตลาดไปได้สวย "เอสเอฟ" เปิดตัวสาขา"เอ็มโพเรี่ยม"
ระดับไฮเอนด์ คุยปีนี้เตรียมเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท หวังเปิด 2-3 แห่ง "อีจีวี"
ไม่น้อยหน้า ประกาศเปิดเพิ่ม 3 แห่ง หนึ่งในนั้นคือสาขาบิ๊กซี ราชดำริ ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนถึง
800 ล้านบาท
นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
กรุ๊ป จำกัด (มหา ชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา (2545) มีโรงภาพยนตร์เปิดใหม่ในกรุงเทพฯทั้งหมด
69 โรง ในจำนวนดังกล่าวเป็นของเมเจอร์ 60 โรง ซึ่งสาขาใหม่ประกอบไปด้วย รังสิต,
เซ็นทรัล พระราม 3,เซ็นทรัล บางนา, เทสโก้ โลตัส บางกะปิ, เสรีเซ็นเตอร์
และเซ็นทรัล พระราม 2 ทั้งหมด 6 สาขา ซึ่งเป็นจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้นเท่าตัว
เมื่อเทียบกับสาขาเดิมที่มีอยู่ 6 แห่ง
ในปีนี้เมเจอร์มีแผนจะเปิดสาขา เพิ่มอีก 2 แห่ง โดยพื้นที่ที่อยู่ในความสนใจ
1 แห่ง คือ แจ้งวัฒนะ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชน มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก
และมีดิสเคานต์สโตร์เปิดสาขาอยู่ครบทุกแบรนด์
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยจะขยายตัวในระดับ
15-20% เนื่อง จากการใช้บริการดูภาพยนตร์ของประชากรไทยสูงขึ้น แม้ว่าปีนี้จะเกิดสงครามหรือไม่ก็ตาม
ก็จะไม่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรม การเติบโตดังกล่าวมาจากการชะลอตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ประกอบกับวิถีชีวิต ของคนไทยเปลี่ยนไป โดยให้ความนิยมดูภาพยนตร์มากขึ้น เพราะเป็นสินค้าบันเทิงราคาถูก
นอกจากนี้ การเติบโตของการผลิตซอฟต์แวร์หนังไทยที่ขยายตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา
โดยสามารถส่งออกไป จำหน่ายในต่างประเทศได้มากขึ้น ทำ ให้เกิดผู้สร้างภาพยนตร์มากขึ้นตามไปด้วย
ในปีนี้จะมีภาพยนตร์ไทยออก ฉายเฉลี่ยเดือนละ 3 เรื่อง หากเป็นภาพยนตร์ที่สร้างได้ตรงกับความต้องการของผู้ชม
จะช่วยผลักดันให้คนไทยออกมาชมภาพยนตร์มากขึ้น
"ที่จริงตลาดหนังไทยเป็นตลาด ใหญ่กว่าหนังฮอลลีวูด แต่ที่ผ่านมามีผู้สร้างหนังไทยจำนวนน้อย
และบางเรื่องไม่มีคุณภาพ ทำให้คนไทยไม่นิยม ดูหนังไทย สิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจน
คือภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ที่กระตุ้นให้คนไทยทั่วประเทศออกมาชมภาพยนตร์
ไทย จนทำรายได้ไปกว่า 400 ล้านบาท ดังนั้น ปีนี้หากมีหนังไทยคุณภาพดีออกฉาย
เชื่อว่าคนไทยจะแห่ออกมาดูหนังไทยเป็นจำนวนมากแน่นอน"
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้ภาพ รวมของอุตสาหกรรมหนังไทยจะเติบโตในระดับ
10-15%โดยภาพยนตร์ ไทยหลายเรื่องมีโอกาสทำรายได้สูง เช่นสตรีเหล็ก ภาค2 พันธุ์ร็อกหน้าย่น
เป็นต้น คาดว่าหนังไทยที่จะประสบความสำเร็จในปีนี้ จะต้องเป็นรูปแบบ ที่ไม่ซ้ำปีก่อนๆ
โดยเฉพาะรูปแบบหนังผี ไม่น่าจะได้รับความนิยมในปีนี้ ส่วนหนังฮอลลีวูดปีนี้มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะภาคต่อของหนังหลายเรื่อง "เอสเอฟ"เปิดโรงไฮเอนด์ที่"เอ็มโพเรี่ยม"
นายสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า
ซิตี้ จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปีนี้ค่อนข้าง
สดใส จะเห็นได้จากการประกาศตัวสร้างของผู้ประกอบการในประเทศไทย ที่ขณะนี้มีกว่า
100 เรื่อง แต่คาดว่าจะมีภาพยนตร์สร้างเสร็จและพร้อมออกฉายในปีนี้จำนวน 50
เรื่องเท่านั้น จำนวนดังกล่าวจะมีหนังไทยเข้าโรงสัปดาห์ละ 1 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน
30 เรื่อง
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปี 2545 มีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท
ในจำนวนดังกล่าวหนังไทยมีส่วนแบ่งการตลาด ประมาณ 30% แต่ในปีนี้ที่หนังไทยจะมีปริมาณการสร้างมากขึ้น
จะทำให้ ส่วนแบ่งการตลาดหนังไทยขึ้นมาอยู่ที่ 35% โดยภาพรวมอุตสาหกรรมน่าจะเติบโตในระดับ
5-10%
ในส่วนของธุรกิจโรงภาพยนตร์ ปีนี้ยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง โดยเอส เอฟ ได้สรุปพื้นที่เปิดสาขาใหม่แล้ว
1 แห่ง คือ เอ็มโพเรี่ยม ซึ่งจะมีจำนวนโรงทั้งหมด 5 โรง และจะเป็นโรงภาพยนตร์ระดับพรีเมียม
ใช้ชื่อ "เอส เอฟเอ็กซ์" เช่นเดียวกับสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่ราคาตั๋วกำลังอยู่ระหว่าง
การพิจารณาว่าจะใช้ราคา 120 บาท เช่นเดียวกับสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าวหรือไม่
เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของเอ็มโพเรี่ยม เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับการลงทุนตกแต่งสาขาเอ็มโพเรี่ยมจะใช้งบประมาณสูงกว่าสาขาอื่น
เพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้าในพื้นที่ ดังนั้น ราคาตั๋วอาจจะสูงกว่าสาขาเซ็นทรัล
ลาดพร้าว
นอกจากการเปิดสาขาใหม่ที่เอ็มโพเรี่ยมแล้ว ในปีนี้บริษัทได้วาง แผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก
2-3 แห่ง โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาพื้นที่ ทั้งรูปแบบเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า
และ สแตนด์อะโลน แต่คาดว่าอาจจะก่อสร้างได้เสร็จเพียง 1-2 แห่งในปีนี้ ทั้งนี้แผนการลงทุนขยายสาขาโรงภาพยนตร์ของบริษัทในปีนี้จะใช้งบประมาณรวม
1,000 ล้านบาท
อีจีวี เปิดเพิ่ม 3 สาขา
ทางด้านนายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
จำกัด (มหาชน) เปิดเผย"ผู้จัดการรายวัน" ว่า สำหรับปี 2546 อีจีวี มีแผนที่จะเปิดโรงภาพยนตร์เพิ่มอีกประมาณ
3 แห่ง ใน จำนวนนี้ได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาราชดำริ
ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามศูนย์การค้าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยสาขานี้จะมีพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่เป็น 6 เท่าของสาขาแกรนด์
อีจีวี ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์ และเป็น 4 เท่าของสาขาฟิวเจอร์ พาร์ค
บางแค ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท และ จะมีโรงภาพยนตร์กว่า 20 โรง ส่วนอีก
2 สาขานั้นกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
"คอนเซ็ปต์ของสาขาใหม่นี้จะทำให้แตกต่างจากอีจีวีเดิม และเชื่อ ว่า จะต่างจากโรงภาพยนตร์ที่มีอยู่ทั้งหมด
เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่แก่วงการโรงภาพยนตร์ และที่เรากล้าลงทุนมาก เช่นนี้
เพราะผมมองลูกค้าในกรุงเทพฯ ทั้งหมดรวมทั้งนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ทำเพื่อรองรับชุมชนในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น
และมั่นใจว่าแม้ในพื้นที่ใกล้กันจะมีโรงภาพยนตร์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีอยู่สูง
โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีทองของโรงภาพยนตร์จริงๆ"
ทั้งนี้ นายวิชัย ให้เหตุผลว่า เนื่องจากปีนี้มีภาพยนตร์ไทยและภาพยนตร์ฮอลลีวูด
ที่เป็นหนังใหญ่เข้ามาฉายเป็นจำนวนมาก และแต่ละค่ายหนังต่างก็พยายามจัดกิจกรรมการ
ตลาดเพื่อกระตุ้นให้คนมาชมภาพยนตร์ มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการชมภาพยนตร์ของแต่ละคนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรา
3.5 เรื่องต่อคนต่อปี มาอยู่ที่ 4.5 เรื่องต่อคนต่อปีในปีนี้ จึงทำให้โรงภาพยนตร์แทบทุกแห่งต้อง
ขยายตัวเพื่อรองรับกับปริมาณผู้ชม และภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้น