Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 มิถุนายน 2549
ต่างชาติชะลอลงทุนไทยฉุดยอดขายนิคมฯปี49ลดวูบ             
 


   
search resources

Real Estate




สมาคมนิคมฯร้องจ้าก คาดยอดขายที่ดินในนิคมฯปีนี้หดเหลือ 3,500 ไร่ ต่ำกว่าปีที่แล้วที่มียอดขายถึง 4,000ไร่ ผลพวงต่างชาติแตะเบรกลงทุนในไทย โดยเฉพาะญี่ปุ่น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง เตือนรัฐเร่งส่งทีมชี้แจงนักลงทุนญี่ปุ่นเพื่อดึงความเชื่อมั่นก่อนเสียให้ประเทศคู่แข่ง

นายทวิช เตชะนาวากุล เลขาธิการ สมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปีนี้ไว้ที่ 3,500 ไร่ ลดลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะนิคมอุตสาหกรรมจะขายที่ดินได้เพิ่มขึ้นเแตะ 4,500 ไร่ และต่ำกว่าตัวเลขยอดขายที่ดินในนิคมฯเมื่อปี 2548 ที่สูงถึง 4,000 ไร่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญว่านักลงทุนต่างชาติได้ชะลอการลงทุนในไทย สืบเนื่องจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากกว่านักลงทุนชาติอื่นๆ

โดยปลายปี 2548 ญี่ปุ่นมีสัญญาณจะลดการลงทุนในจีนมายังประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่น แต่สถานการณ์การเมืองไทยอยู่ในช่วงสูญญากาศ ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นก็รอมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และไม่สามารถรอต่อไปได้อีกเพราะไม่รู้สถานการณ์การเมืองหลังเลือกตั้งจะมีทิศทางอย่างไร จึงได้หันไปลงทุนที่เวียดนามหรืออินเดียแทน จึงเป็นเรื่องที่เสียโอกาส และน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่นก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะยานยนต์เป็นระบบคลัสเตอร์ ซึ่งไทยมีความได้เปรียบ แต่การลงทุนที่อาจจะหดหายไปบ้าง คือ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงส์จากการลงทุนของต่างชาติค่อนข้างมาก ดังนั้นหากการลงทุนซบเซา ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเดิมการลงทุนต่างชาติจะเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่การลงทุนในภาครัฐ เช่นเมกะโปรเจ็กต์ได้ชะลอไป รวมทั้งมีปัญหาเงินทุนต่างชาติไหลออกทำให้ตลาดหุ้นถดถอย

"ในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายนิคมฯไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งจัดทีมงานไปชักชวนญี่ปุ่นและชาติต่างๆเข้ามาลงทุนในไทย โดยชี้แจงปัญหาทางการเมืองไทยให้แยกออกจากการลงทุน และหาทางแก้ไขให้ชัดเจนยิ่งขึ้น "

นายทวิช กล่าวต่อไปว่า จากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลให้การปรับขึ้นราคาขายที่ดินในนิคมฯคงเกิดขึ้นได้ยากนับจากนี้ไป เพราะผู้ประกอบการนิคมฯต่างต้องการดันยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการลดราคาหรือยืดเวลาชำระค่าที่ดินให้กับลูกค้าจะเป็นตัวหนึ่งที่จูงใจนักลงทุนได้

"ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาที่ดินเปล่าจะลดลง เพราะไม่มีใครอยากแบกที่ดินจำนวนมาก เหตุต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายมากตามไปด้วย ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ผู้ประกอบการนิคมฯต้องการที่ขายที่ดินออกไป เพื่อถือเงินสดเอาไว้"นายทวิชกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us