|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ไอเอ็นจีจ่อคิวลุยตลาดหุ้นไทย ล่าสุด ก.ล.ต. ไฟเขียว จัดตั้ง "กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทยแวลูพลัส" กองทุนผสมมูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูงและมีศักยภาพดี และมีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 2% เมื่อเทียบกับขนาดของตลาดหลักทรัพย์รวม พร้อมกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ-เอกชน ช่วยดันผลตอบแทนอีกทาง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติให้บลจ.ไอเอ็นจี สามารถจัดตั้งกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่มีนโยบายลงทุนผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนดังกล่าวมีจำนวนมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ระบุในหนังสือชี้ชวนว่า เป็นกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้หรือตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน สำหรับแต่ละประเภทในสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึง 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน โดยในส่วนของการลงทุนในตราสารทุนนั้น กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 2%เมื่อเทียบกับขนาดของตลาดหลักทรัพย์รวม หรือบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูงและมีศักยภาพดีเป็นหลัก รวมทั้งการลงทุนในบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชน รวมถึงเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ด้วย อย่างไรก็ตาม โดยหลักแล้ว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนมากกว่า แต่ผู้จัดการกองทุนอาจจะมีการปรับลดสัดส่งวนการลงทุนมาลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น รวมทั้งอาจจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในต่างประเทศตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานก.ล.ต. กำหนด ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจและสภาวะของตลาดด้วย
นอกจากนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง หรือหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีการอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ
รายงานข่าวกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจัดการกองทุนให้ความสนใจจัดตั้งกองทุนประเภทกองผสมซึ่งจะมีสัดส่วนการลงทุนทั้งในตราสารหนี้และในตราสารทุนมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนในกองทุนประเภทกองทุนหุ้นอย่างเดียว ส่งผลให้บริษัทจัดการกองทุนต้องปรับกลยุทธ์ด้วยการจัดตั้งกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เข้ามา เพื่อให้กองทุนมีกำไรจากการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ตามภาวะตลาด ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ กองทุนยังสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนในสอดคล้องกับภาวะการลงทุนในตลาดได้ เช่น หากการลงทุนในตลาดหุ้นเอื้ออำนวย กองทุนอาจจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้น แต่หากดัชนีหุ้นผันผวนก็สามารถโยกเงินลงทุนในตราสารหนี้แทนได้ ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นแต่ยังกลัวความเสี่ยงจากปัจจัยลบต่างๆ อยู่
รายงานข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีบริษัทจัดการกองทุนที่เปิดขายกองทุนผสมไปแล้วจำนวน 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ที่บริหารจัดการกองทุนโดยบลจ.บีที ซึ่งเปิดขายหน่วยลงทุนไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหลังจากปิดไอพีโอสามารถระดมทุนได้ประมาณ 197.115 ล้านบาท
สำหรับกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส มีนโยบายการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ตามจังหวะที่เหมาะสม โดยในระยะแรกกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝาก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนดีในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ภายหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งภาวะตลาดหุ้นมีเสถียรภาพแล้ว กองทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น
ส่วนอีกหนึ่งกองทุนที่เปิดขายไปแล้วเช่นกัน คือ กองทุนเปิดทิสโก้ เพิ่มผล 6 ของบลจ. ทิสโก้ ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุนไม่เกินร้อยละ 20 ส่วนที่เหลือจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้โดยจะเป็นตราสารที่เป็นพันธบัรรัฐบาลอายุประมาณ 2 ปี 4 เดือนเป็นหลัก โดยหลังจากเปิดขายในช่วงไอพีโอไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเช่นกัน สามารถระดมทุนได้ประมาณ 52 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 1,000 ล้านบาท
|
|
|
|
|