|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ก.ล.ต.แบะท่าเปิดทางโบรกฯต่างชาติสูบเงินนักลงทุนสถาบันอย่าง “กบข.-สปส.”ที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนต่างประเทศได้สบายใจเฉิบ วงการกองทุนรวมจวกยับถือเป็นการทุบหม้อข้าวบลจ.ในประเทศ และทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ เนื่องจากบลจ.ในประเทศยังไม่มีความพร้อมในการเปิดเสรีธุรกิจกองทุนรวม
แหล่งข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งหนังสือเวียนถึงบลจ. กองทุนส่วนบุคคล กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนประกันสังคม (สปส.) เพื่อขอให้มีการแสดงความคิดเห็นเรื่องการกำหนดลักษณะของการจัดการลงทุนที่ไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสถาบันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดสรรวงเงินหรืออนุญาตให้นำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ สามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน
ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของ IOSCO สามารถเข้ามาติดต่อชักชวนกับผู้ลงทุนสถาบันให้มอบหมายให้จัดการลงทุนด้วยการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ โดยผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศดังกล่าวได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล
“ก.ล.ต.กำลังแง้มประตูให้โบรกเกอร์ต่างชาติ เข้ามาบุกธุรกิจกองทุนในประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานในประเทศไทย หรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของก.ล.ต. ซึ่งจุดนี้ทำให้บลจ.ในประเทศมีความเสียเปรียบ เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญในการออกไปรุกธุรกิจในต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่โบรกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาบุกธุรกิจในประเทศไทย”
แหล่งข่าวกล่าวว่า หากการทำเฮียริ่งครั้งนี้ของก.ล.ต.ผ่าน และเปิดทางให้โบรกเกอร์ต่างประเทศ เข้ามาตั้งกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และนำเงินของนักลงทุนสถาบันอย่าง กบข. หรือสปส. ไปลงทุนต่างประเทศ โดยตรงแทนที่จะผ่านบลจ.ในประเทศ จุดนี้จะสร้างความเสียเปรียบให้บลจ.ในประเทศเป็นอย่างมาก และเป็นการขัดกับนโยบายของก.ล.ต.ที่ต้องการส่งเสริมให้บลจ.ในประเทศ มีการร่วมมือกับโบรกเกอร์ต่างประเทศ ในการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีในการบริหารสินทรัพย์ เพราะต้องยอมรับว่าในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแรกที่ ธปท. ได้อนุมัติวงเงินกองทุน FIF ให้บลจ.ทั้งระบบสามารถนำเงินไปลงทุนต่างประเทศได้ผ่านวงเงินกองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับในปีที่ผ่านมา บลจ.ทั้งระบบมีการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศแล้วประมาณ 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือวงเงินที่อนุมัติจัดสรรปีนี้ 245 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก.ล.ต.ได้อนุมัติไปแล้วก่อนหน้า และวงเงินจะหมดในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อนำไปรวมกับวงเงินกองทุน FIF ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตธปท. เพื่ออนุมัติวงเงินในปี 2549 ซึ่งสมาคมบลจ.ขออนุมัติวงเงินในส่วนของกองทุนรวมเพิ่มเป็น 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ความคืบหน้าล่าสุดในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล คณะทำงานของสมาคมบลจ.ได้ หารือกับเลขาธิการก.ล.ต. เพื่อขออนุมัติวงเงินกองทุนส่วนบุคคลไปลงทุนต่างประเทศ ได้เช่นเดียวกับกองทุนรวม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้กับนักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนสถาบันที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะต้องยอมรับว่าหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนที่กำหนดให้กองทุนที่จัดตั้งมีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ไม่เกิน 1/3 เป็นข้อจำกัด ในการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนสถาบันที่ต้องการโยกเงินลงทุนผ่านกองทุน FIF ซึ่งปัจจุบันก.ล.ต.อนุมัติครั้งละ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ธปท.ได้อนุมัติให้สปส.นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศในวงเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยสปส.ได้มอบหมายให้บลจ.เอ็มเอฟซี และบลจ.บัวหลวง เป็นผู้จัดการกองทุน เพื่อนำเงินไปลงทุนต่างรประเทศ รายละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่รายงานข่าวจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 กบข.ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ (ผ่านกองทุนรวม) เท่ากับ 2.83% และตราสารหนี้ต่างประเทศทั่วไปเท่ากับ 5.19% นอกจากนี้ยังมีการลงทุนตราสารทุนต่างประเทศเท่ากับ 0.92% จาก มูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบันอยู่ที่ 294,498 ล้านบาท
|
|
|
|
|