|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยนครพัฒนาเจ้าของผลิตภัณฑ์ยา "ทิฟฟี่" แตกไลน์ผุดธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ประเดิม ผุด "โซฟิเทล โภคีธรา กระบี่" ด้วยทุนก่อสร้าง 1,000 ล้านบาท เล็งลุยต่อที่ประจวบฯ เผยมั่นใจศักยภาพธุรกิจท่องเที่ยวในไทยแข็งแกร่ง และการลงทุนมั่นคง ด้านการลงทุนในกัมพูชาเจอศึกหนัก ตลาดโอเวอร์ซัพพลาย อัดอีก 400 ล้านบาท เปิดสนามกอล์ฟ หวังขายพ่วงกับห้องพักกระตุ้นยอด
นายสุภชัย วีระภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครพัฒนา และประธานบริษัท โภคีธรา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุนธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ประเดิมเปิดที่จังหวัดกระบี่ ภายใต้การบริหารของกลุ่มแอคคอร์ ในชื่อ "โรงแรมโซฟิเทล โภคีธรา กระบี่" ด้วยเงินลงทุนประมาณ 25 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ประมาณปลายไตรมาส 3 ปีนี้ โดยบริษัทมุ่งมั่นที่สร้างแบรนด์ "โภคีธรา" ให้เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันในหมู่ธุรกิจโรงแรมและนักท่องเที่ยว โดยก่อนหน้านี้ ได้เริ่มลงทุนธุรกิจโรงแรมครั้งแรกในประเทศกัมพูชาเมื่อประมาณ 14 ปีก่อน ชื่อโรงแรม "รอยัล พนมเปญ" ที่ถูกเผาไปเมื่อกรณีขัดแย้งของ "กบ สุวนันท์" เมื่อ 3 ปีก่อน และมาเริ่มลงทุนอีกครั้งที่เมืองเสียมเรียบ ภายใต้ชื่อ โรงแรม "โซฟิเทล รอยัล อังกอร์"
ทั้งนี้บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด มีธุรกิจหลัก คือ ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายตราครกบดยา โดยแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ "ทิฟฟี่" ซึ่งจุดเริ่มต้นของการลงทุนครั้งแรก เกิดจากการเข้าไปลงทุนธุรกิจยาในประเทศกัมพูชา แล้วมีนักธุรกิจชาวกัมพูชาชวนลงทุนในธุรกิจโรงแรม จึงได้เริ่มลงทุนมาตั้งแต่ปี 2535 ส่วนการหันกลับเข้ามาลงทุนธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยครั้งนี้ มีเหตุผลมาจากธุรกิจท่องเที่ยวของไทยมีศักยภาพและเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีความมั่นคงกว่าการลงทุนในประเทศกัมพูชาซึ่งค่อนข้างมีการแข่งขันที่รุนแรงในขณะนี้
"สำหรับการลงทุนในต่างประเทศยอมรับว่าที่เมืองเสียมเรียบ โรงแรมค่อนข้างโอเวอร์ซัพพลาย โดยมีจำนวนห้องพักรวมกันไม่น้อยกว่า 1 หมื่นห้อง จำนวนวันพักเฉลี่ย 1.7 คืนต่อนักท่องเที่ยว 1 คน ในส่วนของโซฟิเทล รอยัล อังกอร์ที่เราลงทุนไว้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยต่อปีราว 30% ซึ่งโรงแรมอื่นๆก็ไม่ต่างจากเรามากนัก ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวมีวันพักที่น้อยเกินไป"
ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ลงทุนอีก 400 ล้านบาท สร้างสนามกอล์ฟ "โภคีธรา คันทรี คลับ" โดยมอบให้ โซฟิเทล ในกลุ่มแอคคอร์เป็นผู้บริหารเช่นกัน โดยมุ่งหวังใช้กลยุทธ์จัดเป็นแพกเกจ นำเสนอขายต่อลูกค้า ทั้งนักธุรกิจและ นักท่องเที่ยว ผ่านเครือข่ายแอคคอร์ ซึ่งน่าช่วยให้จำนวนวันพักของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 คืนต่อคน และสามารถเพิ่มอัตราเข้าพักเฉลี่ยในปีนี้เป็น 50% นอกจากนั้นยังได้ลงทุนสร้างโรงแรมในพนมเปญ ตรงที่เดิมของ รอยัล พนมเปญ โดยลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท ใช้ชื่อว่า "โซฟิเทล โภคีธรา พนมเปญ" จำนวน 240 ห้อง เปิดให้บริการได้ในปี 2551
"การลงทุนที่พนมเปญเราถือหุ้น 75% แอคคอร์ถือหุ้น 10% ส่วนอีก 15% เป็นนักลงทุนท้องถิ่น โดยตรงนี้เราเน้นกลุ่มนักธุรกิจ และ นักการทูต กลุ่มประชุมสัมมนา โดยจุดเด่นคือมีห้องประชุมใหญ่ และ ห้องประชุมย่อยรวมกว่า 10 ห้อง ที่ตัดสินใจลงทุนครั้งนี้เพราะเรามองอนาคต และคิดว่า เมื่อประเทศไทย และประเทศเวียดนาม มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว กัมพูชา ซึ่งมีจุดขยชัดเจน ก็ต้องได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน เพียงแต่รัฐบาลเขามีเงินน้อย"
สำหรับในประเทศไทย นอกจากที่จังหวัดกระบี่แล้ว บริษัทฯยังมีที่ดินอีก 2 แปลง ที่ อ. บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างโรงแรมโภคีธราอีกเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเมื่อใ คงต้องรอให้โซฟิเทล โภคีธรา กระบี่เปิดตัวไปได้สักระยะหนึ่งก่อน ส่วนเรื่องการบริหารมองว่าจะยังคงใช้บริการของเชนโรงแรมที่อยู่ในแอคคอร์ต่อไป ทั้งการลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ เพราะมั่นใจในระบบเครือข่าย ที่น่าจะเป็นช่องทางการตลาดที่ดีให้กับบริษัท ส่วนเรื่องเงินลงทุนทุกโครงการ 50% จะเป็นเงินของบริษัท ส่วนอีก 50% เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน
|
|
|
|
|