|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ผู้ถือหุ้นใหญ่ Risen Mark Enterprise ทำเสียวทิ้งหุ้น”ไทยเบฟเวอเรจ” วันแรกที่เข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ แต่หลังตรวจสอบพบว่าลงวันที่ผิด โดยหุ้นที่ขายออกมาจำนวน 2.39 พันล้านหุ้น เป็นหุ้นก้อนเดียวกันที่ขายไอพีโอ ขณะนี้ราคาหุ้นวานนี้ (1 มิ.ย.) ยังคงต่ำกว่าราคาจอง
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า Risen Mark Enterprise Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ เบียร์ช้าง ได้ขายหุ้นไทยเบฟเวอเรจ จำนวน 2,394.45 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 9.79% ในวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) โดยภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ บริษัท Risen Mark Enterprise Ltd จะถือหุ้นเหลือ 3,143.15 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 12.86%
ทั้งนี้ Risen Mark Enterprise Ltd เป็นบริษัทที่จัดตั้งขั้นตามกฎหมายของประเทศ British Virgin Islands โดยผู้ถือหุ้นคือ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี 12.5% คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี 12.5% Ms.Seng Lai 18% Ms. Tse Wai Yee 14.5% Mr.Chu Kam Kong 13% Ms.Tse Sau Chun 13.5% Ms.Tsang Yuk Lin 16%
สำหรับการรายงานดังกล่าวทำให้มีความเข้าใจว่า นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้มีการนำหุ้นที่ถือมาขายอีก แต่เมื่อมีการตรวจสอบไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งก.ล.ต.ก็ได้มีการตรวจเช็คเรื่องดังกล่าว ทำให้ทราบว่าหุ้นที่ Risen Mark Enterprise Ltd นำมาขายนั้นเป็นหุ้นก้อนเดียวกันที่นายเจริญ นำหุ้นเดิมมาเสนอขายแก่นักลงทุน(ไอพีโอ) ซึ่งการขายหุ้นไอพีโอ ไทยเบฟฯขายหุ้นรวม 4.89 พันล้านหุ้น แบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ประมาณ 2.4 พันล้านหุ้น หุ้นเดิมประมาณ 2.4 พันล้านหุ้น
อย่างไรก็ตาม ที่มีการแจ้งการขายหุ้นของ Risen Mark Enterprise Ltd ในวันที่ 30 พ.ค. กับสำนักงานก.ล.ต. เป็นการเขียนผิด ทั้งที่ควรที่จะแจ้งว่าขายหุ้นไทยเบฟฯ ในช่วงที่มีการจองซื้อหุ้นไอพีโอในวันที่ 19-23 พ.ค.2549 ส่วนการที่ไทยเบพฯต้องมีการแจ้งข้อมูลการซื้อขายหุ้นต่อสำนักงานก.ล.ต. เนื่องจากตามพ.ร.บ. ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามมาตรา 246-2 ซึ่งครอบคลุมถึงบริษัทที่มีสถานะบริษัทจำกัด (มหาชน) แม้ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ก็มีสถานะเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทย
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ไทยเบฟเวอเรจ วานนี้ (1 มิ.ย.) ปิดตลาดที่ 0.260 เซนสิงคโปร์ ซึ่งยังคงต่ำกว่าราคาจอง 0.02 เซนสิงคโปร์ หรือ -7.14 % โดยปรับตัวลดลงต่ำสุดระหว่างวันที่ 0.26 เซนสิงคโปร์ ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ 0.27 เซนสิงคโปร์ มูลค่าการซื้อขาย 72.66 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
อนึ่ง การเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX)ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)หรือ THBEV ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากราคา 3.57 % จากราคาจองที่ 28 เซนสิงคโปร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระดับ 28 เซนสิงคโปร์ ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 26 เซนสิงคโปร์ มูลค่าการซื้อขาย 316.20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ1
บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ได้เสนอขายหุ้นจำนวน 44.89 พันล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท ราคาจองหุ้นละ 28 เซนสิงคโปร์ แบ่งเป็นเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบันทั่วโลก จำนวน 4.64 พันล้านหุ้น อีก 244.45 ล้านหุ้นเสนอขายต่อนักลงทุนรายย่อยในสิงคโปร์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้มีการประเมินว่า เหตุที่ราคาหุ้นของ THBEV ปรับตัวต่ำกว่าราคาจอง เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียปรับตัวลดลง จังหวะการเข้าซื้อขายไม่ดี เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกซบเซา และช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดของนักลงทุนต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
รวมถึงราคาหุ้นที่ 0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถือว่าเป็นราคาที่สูง ทำให้เมื่อเข้าซื้อขายนักลงทุนมีการขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง โดยมองว่าเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงอยู่ที่ 0.20-0.25 ดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นราคาที่น่าสนใจทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อ
“เบียร์ช้างเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นคงไม่สามารถเหนือจองได้ เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกมีการซบเซาจากเป็นช่วงวันหยุดของนักลงทุน แต่หลังจากเข้าซื้อขายวันแรกแล้วราคาหุ้นของไทยเบฟฯจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจองได้ ”
|
|
 |
|
|