|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
"ไทยเบฟเวอเรจ" เทรดวันแรกในตลาดหุ้นสิงคโปร์ไปไม่รอดต่ำกว่าราคาจอง ***% "ทนง" ระบุเหตุตั้งราคาไอพีโอสูงเกินไป พร้อมติงก.ล.ต.หากหวังดึงกลับเข้าเทรดในตลาดหุ้นไทยต้องยกเลิกมติเดิมก่อน ขณะที่ผู้บริหารยังมั่นใจหลังวอลุ่มสูงสุด พร้อมปฎิเสธข่าวดึง"กิตติรัตน์"นั่งเก้าอี้กรรมการ ด้านที่ปรึกษาฯยันเป็นช่วงเวลาที่ดีเพราะหากไม่เข้าตอนนี้อาจจะต้องเลื่อนยาว
ผู้สื่อข่าวรายงานการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรก(30 พ.ค.)ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)หรือ THBEVในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือ SGX โดยราคาเปิดเท่ากับราคาจองที่ 0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเป็นราคาสูงสุดของวัน ขณะระหว่างวันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 0.26 ดอลลาร์สิงคโปร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 0.27 ดอลลาร์สิงคโปร์ ลดลง 0.01 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 3.57% มูลค่าการซื้อขาย 316.20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับ 1
ทั้งนี้บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ได้เสนอขายหุ้นจำนวน 4.89 พันล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท ราคาจองหุ้นละ 0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ แบ่งเป็นเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบันทั่วโลก จำนวน 4.64 พันล้านหุ้น อีก 244.45 ล้านหุ้นเสนอขายต่อนักลงทุนรายย่อยในสิงคโปร์
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงราคาซื้อขายหุ้นบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เป็นวันแรก โดยราคาต่ำกว่าราคาจองนั้นอาจเกิดจากการที่บริษัทมีการตั้งราคาจองที่สูงเกินไป ส่วนการพิจารณาให้เบียร์ช้างเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องเป็นผู้พิจารณา โดยตนเอง แม้จะเป็นประธาน ก.ล.ต. จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่จะให้เกียรติคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นอิสระดำเนินการตามความเหมาะสม
ทั้งนี้หากต้องการให้ เบียร์ช้าง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วขึ้น คณะกรรมการ ก.ล.ต. คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงมติเดิมที่ระบุให้การพิจารณาให้ เบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ต่อเมื่อมีกฎหมายควบคุมการบริโภคและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากกระทรวงสาธารณสุขก่อน
“ผมรับผิดงานในฐานะประธาน ก.ล.ต. โดยให้อิสระกรรมการ ก.ล.ต. ดำเนินการได้ โดยที่ไม่นำการเมืองเข้าไปยุ่ง ผมดูแล ก.ล.ต. เหมือนดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ” นายทนงกล่าว
นายทนง กล่าวอีกว่า การแต่งตั้ง นางภัทรียา เบญจพลชัย เป็นกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ เป็นอำนาจของกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีนายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งเรียบร้อย ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้เข้าไปแทรกแซง และโดยส่วนตัวก็ไม่รู้จักนางภัทรียา จะรู้จักแต่ นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดเท่านั้น
ปฎิเสธดึงโต้งร่วมงาน
นายเกษมสันต์ วีระกุล ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเบียร์ช้าง กล่าวภายหลังหุ้นบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ หรือ THBEV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เป็นวันแรกว่า แม้ว่าราคาหุ้นที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์วานนี้จะต่ำกว่าราคาจองซื้อที่กำหนดไว้ที่ 0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์บริษัทก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาเนื่องจากเท่าที่สังเกตนักลงทุนให้ความสนใจในการเข้ามาซื้อค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ยังมีการตั้งราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายในระดับที่สูง มูลค่าการซื้อขายก็อยู่ในระดับที่ไม่น้อย
"คงต้องให้เวลาในซักระยะ บริษัทก็ไม่มีนโยบายที่จะให้ข่าวเป็นรายวันแต่เชื่อว่าหากผ่านไปซักระยะทุกอย่างก็จะดีเอง"นายเกษมสันต์กล่าว
สำหรับกระแสข่าวลือที่ระบุว่า บมจ.ไทยเบฟเวอเรจได้มีการทาบทามนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการของบริษัท ภายหลังจากที่นายกิตติรัตน์แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ภายหลังที่บมจ.ไทยเบฟเวอเรจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นบริษัทไม่เคยมีการติดต่อนายกิตติรัตน์เพื่อให้เข้ามาร่วมงานกับบริษัท
"เราขอปฎิเสธข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่เข้าใจว่ากระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้อย่างไร"นายเกษมสันต์กล่าว
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เปิดเผยถึงการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ของหุ้น THBEV ว่า การที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงเนื่องจาก เป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในแถบเอเซีย
ทั้งนี้ การเข้าจดทะเบียนของ THBEV ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะหากยังไม่เข้าช่วงนี้ก็อาจจะยังไม่สามารถเข้าได้ เนื่องจาก ตลาดหุ้นในแถบเอเซียมีการปรับตัวลดลงมากกว่านี้ ซึ่งไม่อย่างให้นักลงทุนมองการซื้อขายในระยะสั้น ควรที่จะมองระยะยาวและพิจารณาการลงทุนจากปัจจัยพื้น
หม่อมหลวงทองมกุฎ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของเบียร์ช้างที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง เนื่องจากจังหวะการเข้าซื้อขายไม่ดี เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกซบเซา และช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดของนักลงทุนต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงราคาหุ้นที่ 0.28 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถือว่าเป็นราคาที่สูง ทำให้เมื่อเข้าซื้อขายนักลงทุนมีการขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง โดยมองว่าเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงอยู่ที่ 0.20-0.25 ดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นราคาที่น่าสนใจทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อ
“เบียร์ช้างเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นคงไม่สามารถเหนือจองได้ เนื่องจาก ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกมีการซบเซาจากเป็นช่วงวันหยุดของนักลงทุน แต่หลังจากเข้าซื้อขายวันแรกแล้วราคาหุ้นของไทยเบฟฯจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจองได้ ”หม่อมหลวงทองมกุฎ กล่าว
นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.เจ.พีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียปรับตัวลดลงจึงส่งผลกระทบต่อการเข้าซื้อขายหุ้นของไทยเบฟจึงทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงจากราคาจอง แต่เมื่อภาวะตลาดหุ้นเอเซียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหุ้นไทยเบฟฯก็จะกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ด้านบริษัทโบรกเกอร์ ซีไอเอ็มบี-จีเค ของสิงคโปร์ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ถึงแม้ไทยเบฟเวอเรจจะเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมากในตลาดเบียร์ไทย แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งมากมาย ทำให้ส่วนแบ่งตลาดค่อยๆปรับตัวลดลงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จาก 68% ในปี 2003 เหลือเพียง 60% ในปี 2004 และคาดว่าน่าจะยิ่งชะลอตัวลงอีกในปี 2005-2006
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของทางบริษัทยังมั่นใจว่า ไทยเบฟเวอเรจจะสามารถพลิกฟื้นผลประกอบการได้ โดยทางบริษัทได้มีการจัดเตรียมแผนการขยายธุรกิจทั้งในไทยและตลาดอื่นๆในภูมิภาคแล้ว
นายอวยชัย ตันทะโอภาส กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของไทยเบฟเวอเรจกล่าวว่า "เราเชื่อมั่นว่าในการที่จะขยายธุรกิจ เราจำเป็นต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงเส้นทางสู่ตลาดอันเข้มแข็ง เราจึงมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน"
"ในขณะนี้ เราได้มีการจดทะเบียนบริษัททั้งในกัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์แล้ว เรายังกำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะเจาะเข้าตลาดฟิลิปปินส์และเวียดนามอย่างจริงจัง"
สำหรับในไทย นายอวยชัยระบุว่า ไทยเบฟเวอเรจกำลังวางแผนที่จะเพิ่มยอดขายเครื่องดื่มที่ทำกำไรได้ดีให้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ บริษัทไทยเบฟเวอเรจสามารถระดมเงินได้เกือบ 1,370 ล้านดอลลาร์จากการทำไอพีโอในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นการทำไอพีโอครั้งใหญ่ที่สุดในแดนลอดช่อง นับตั้งแต่การเปิดขายหุ้นบริษัทสิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ (สิงเทล) ต่อสาธารณชนครั้งแรกในปี 1993
|
|
 |
|
|