|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แฟมิลี่มาร์ทมาแรง เบียดท็อปส์กระเด็น คว้าสิทธิ์เข้ารับบริหารจัดการมินิมาร์ทในบางจากทั้งสองแบรนด์คือ ใบจากและเลมอนกรีน เตรียมโละชื่อเดิมทิ้งปรับใหม่สู่ แฟมิลี่มาร์ท โมเดล 2007 เล็งปรับสาขาเก่าในปั๊มของบางจากเองทั้งกรุงเทพและปริมณฑลก่อนขยายสู่แฟรนไชส์บางจาก ด้านบางจากคาดรายได้นอนออยล์ในส่วนมินิมาร์ทปีนี้ขยับสู่ 40 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีก กล่าวว่า ขณะนี้ทางปั๊มน้ำมันบางจากของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้สรุปผลการเจรจากับทางบริษัท สยาม แฟมิลี่ มาร์ท จำกัด ผู้บริหารร้านแฟมิลี่มาร์ทในประเทศไทยเป็นเที่เรียบร้อยแล้วเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อที่จะให้ทางแฟมิลี่มาร์ท เข้ามาเป็นผู้บริหาร จัดการและรับผิดชอบดำเนินการในส่วนของร้านมินิมาร์ทที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันบางจาก ซึ่งเดิมทีคาดว่าจะมีการแถลงข่าวและเปิดตัวเป็นทางการในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่อาจจะมีการเลื่อนไปเล็กน้อยเนื่องจากความไม่พร้อมบางประการ
ทั้งนี้แผนงานดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่บางจากต้องการจะปรับภาพลักษณ์ปั๊มน้ำมันบางจากใหม่ โดยเปิดทางให้พันธมิตรเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการในส่วนของพื้นที่ค้าปลีก เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบางจากในภาวะที่รายได้และกำไรจากน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก โดยรายได้ของบางจากที่มาจากธุรกิจ นอนออยล์ (ที่ไม่ใช่น้ำมัน) มีสัดส่วนแค่ 2% เท่านั้น จากรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งตั้งเป้าหมายว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ไป จะเพิ่มสัดส่วนรายได้นอนออยล์ให้เป็น 20%
สำหรับการเจรจากับแฟมิลี่มาร์ทนั้น ผลสรุปเบื้องต้น ทางแฟมิลี่มาร์ทจะเข้าบริหารมินิมาร์ทในส่วนที่เป็นการลงทุนของบริษัท บางจากกรีนเนท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เองก่อน โดยจะเปลี่ยนชื่อเดิมหมดคือ ใบจากและเลมอนกรีน ใช้ชื่อว่า แฟมิลี่มาร์ท แต่จะเป็นโมเดล 2007 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย แตกต่างจากแฟมิลี่มาร์ทเดิมทั่วไป ที่เปิดอยู่แล้วทั้งการตกแต่ง บรรยากาศในร้าน การนำเสนอและการจัดวางสินค้าในร้าน เป็นต้น
ส่วนการแบ่งผลประโยชน์นั้นยังไม่เป็นที่เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่โดยแนวทางแล้วจะมีการแบ่งรายได้และกำไรตามเงื่อนไขในสัดส่วนที่ทั้งคู่ได้ตกลงกันไว้
ทั้งนี้ในช่วงแรกจะทำการปรับเปลี่ยนประมาณ 10 สาขาก่อนในกรุงเทพฯและปริมณฑล และคาดว่าภายในปีหน้าจะเริ่มปรับเปลี่ยนได้เต็มที่ ซึ่งในปีนี้ทางบางจากเองก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้จากธุรกิจนอนออยล์ประมาณ 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมินิมาร์ท 40 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วรายได้จากนอนออยล์ประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 200-300 ล้านบาท
ปัจจุบันปั๊มน้ำมันบางจากมีมินิมาร์ทในปั๊ม 2 แบรนด์ ประกอบด้วย ใบจาก และเลมอนกรีน ซึ่งจะมีทั้ง บริษัทบางจากดำเนินการเอง กับในส่วนของผู้บริหารปั๊มเป็นผู้ลงทุน รวมประมาณ 87 สาขา แบ่งเป็น ร้านเลมอนกรีน 40 สาขา และร้านใบจาก 47 สาขา (ตัวเลขโดยประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้)
ท็อปส์พลาดแต่คว้าสตาร์มาร์ทแทน
ก่อนหน้านี้ ทางบางจากได้เปิดการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกที่เป็นรูปแบบคอนวี เนียนสโตร์และซูเปอร์มาร์เก็ตหลายราย เช่น แฟมิลี่มาร์ท ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เพิ่งเปิดตัว ท็อปส์ เดลี่ ที่จะใช้เป็นหัวหอกในการบุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตคอนวีเนียนสโตร์ ที่มีขนาดเล็กกระจายตามย่านชุมชนทั่วไป เปิดสาขาแรกแล้วที่จังหวัดอ่างทอง แต่สุดท้ายก็มาสรุปกับแฟมิลี่มาร์ท
ขณะเดียวกันทางท็อปส์ก็ได้หันไปจับมือกับพันธมิตรใหม่คือ ปั๊มน้ำมันคาล์เท็กซ์ เจ้าของมินิมาร์แบรนด์ สตาร์มาร์ท โดยจะเป็นผู้บริหารในรูปแบบที่เรียกว่า โกรเซอร์รี่สโตร์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดศูนย์ฯต้นแบบได้ในไตรมาสที่สามนี้ และคาดว่าในเบื้องต้นจะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ได้อย่างน้อย 50 สาขาจากปั๊มคาล์เท็กซ์ที่มีมากกว่า 500 แห่ง
ก่อนหน้านี้ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เคยเป็นพันธมิตรกับทางปั๊มเจ็ทมาแล้วด้วยการเข้าบริหารจัดการด้านลอจิสติกส์และอาหารสดให้กับร้านจิฟฟี่ที่เป็นมินิมาร์ทของเจ็ทในชื่อว่า จิฟฟี่คิทเช่นบายท็อปส์ แต่ก็ได้หมดสัญญากันไปแล้ว
สำหรับการปรับเปลี่ยนมินิมาร์ทของบางจากในครั้งนี้ นายมนูญ ศิริวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดประสงค์ของการหาพันธมิตรเข้ามาดำเนินการนี้ก็เพื่อต้องการให้ธุรกิจนอนออยล์ด้านค้าปลีกของบางจากมีศักยภาพมากขึ้น และเปิดทางให้มืออาชีพเข้ามาดำเนินการแทนเพราจะมีข้อดีกว่าที่บางจากทำเอง และเป็นการประหยัดงบลงทุนด้วย จากเดิมที่ต้องใช้งบเฉลี่ย 7-8 ล้านบาทต่อปีในการเปิดมินิมาร์ทโดยหลังจากนี้จะนำเงินที่ต้องลงทุนมินิมาร์ทไปลงทุนธุรกิจนอนออยล์ตัวอื่นแทนเช่น ร้านกาแฟอินทนิน เป็นต้น
ชนเซเว่นอีเลฟเว่นในปตท.
สำหรับการเข้าบริหารมินิมาร์ทในบางจากครั้งนี้ ของแฟมิลี่มาร์ท กล่าวได้ว่า จะกลายเป็นอาวุธสำคัญของแฟมิลี่มาร์ทที่จะต่อกรกับเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ปัจจุบันมีสาขาเปิดอยู่ในปั๊มปตท.มากกว่า 300-400 แห่งแล้ว และเป็นการสร้างศักยภาพให้กับเซเว่นฯได้อย่างดีในการขยายฐานตลาดจากรูปแบบสาขาเดิมที่ตั้งอยู่นอกปั๊มน้ำมัน
อันที่จริงแฟมิลี่มาร์ทเคยเป็นคอนวีเนียนสโตร์อันดับที่สองในไทยในแง่จำนวนสาขารองจาก เซเว่นอีเลฟเว่น แต่ในช่วงหลังแผ่วลงไป ทำให้เชนคอนวีเนียนสโตร์ของคนไทยอย่าง วีชอป และ เฟรชมาร์ท เติบโตขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์เพิ่มจำนวนสาขาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะ วีชอป ทั้งนี้การเป็นพันธมิตรกับบางจาก น่าจะทำให้โอกาสในการขยายตัวของแฟมิลี่มาร์ทมีมากขึ้นกว่าเดิม
|
|
|
|
|