นอนแบงก์ บ่นพิษน้ำมัน ดอกเบี้ยขาขึ้น ดันต้นทุนเพิ่ม อ้อนแบงก์ชาติพิจารณาขยับเพดานดอกเบี้ย "เคทีซี"เตรียมหารือชมรมบัตรเครดิตขอธปท.ลดการชำระหนี้ขั้นต่ำลงจาก10% เหลือ 5% ช่วยเหลือลูกค้าภาวะน้ำมันและดอกเบี้ยแพง
นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ปัจจุบันเคทีซีมียอดบัตรใหม่ที่ 100,000 ใบจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 200,000 ใบ ซึ่งคาดว่ายอดบัตรสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 250,000 ใบ ทำให้ฐานบัตรของเคทีซีจะอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้านใบ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรปัจจุบันนั้นเฉลี่ย 6,300 บาท ต่อบัตรต่อเดือน
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาต้นทุนดอกเบี้ยของเคทีซีเพิ่มขึ้นเป็น 6% จากเมื่อสิ้นปี 48 ที่ 2% ส่งผลให้บริษัทฯจะต้องดูแลในเรื่องของต้นทุนด้วยการประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการออกหุ้นกู้ หารายได้จากค่าธรรมเนียม และการขยายสินเชื่อบุคคลที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า สำหรับเรื่องของการขอเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นขณะนี้ธนาคารได้ดำเนินการอยู่ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ว่าจะพิจารณาออกมาเช่นไร
อย่างไรก็ตามในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้าง 22,000 ล้านบาทจากสิ้นปี 48 ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการเติบโตสินเชื่อบัตรเครดิตของเคทีซีนั้นยังมีการเติบโตที่ต่อเนื่อง ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบัน 1% และเอ็นพีแอลใหม่ 2% ซึ่งคาดว่าแนวโน้มจะสูงขึ้นขึ้นอีกจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่บริษัทฯก็ไม่นิ่งเฉยด้วยการเข้าไปช่วยดูแลโครงการของลูกค้า และมีการผ่อนผันในการชำระหนี้
สำหรับลูกค้าใหม่ในปัจจุบัน บริษัทฯจะมีความเข้มงวดมากขึ้นในการอนุมัต เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เอ็นพีแอล ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีการช่วยเหลือลูกค้าด้วยการปรึกษาหารือกับทางชมรมบัตรเครดิตเพื่อขอลดการชำระหนี้ขั้นต่ำกับทางธปท.จาก 10% ลดลงเหลือ 5% เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ามีความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน จากการที่เคทีซีได้เปิดตัว" KTC Future Visa Card" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 5 เดือน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยมียอดบัตรทั้งหมด 8,000 ใบจากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 6,000 ใบจนถึงสิ้นปี แต่เมื่อยอดเกินที่ได้ตั้งเป้าไว้บริษัทฯจึงคาดว่า ณ สิ้นปียอดบัตรน่าจะอยู่ที่ 15,000 ใบ
บิ๊กโอเคแคช บ่นต้นทุนสูงเล็งขอเพิ่มเพดาน
นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเพย์เมนท์โซลูชั่น จำกัด หรือ โอเคแคช กว่าว ว่า ทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจสินเชื่อเงินสดนั้น จะต้องสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ แม้นภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันประกอบกับราคาน้ำมัน , อัตราดอกเบี้ยและคนว่างงาน จะส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยสถาบันการเงินที่ไม่ใช้ธนาคาร ( นอนแบงก์ ) ล้วนได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินปรับตัวสูงขึ้นขณะที่เพดาอัตราดอกเบี้ยถูกกำหนดได้ที่ระดับ 28 % ซึ่งทางบริษัทคงจะต้องมีการบริหารจัดการภายในองค์กรณ์ให้มีประสิทธิภาพ ด้านผู้บริโภคคงจะได้รับประโยชน์จากเพดานดอกเบี้ย ประกอกกับทางการแข่งขันในด้านการมอบสิทธิประโยชน์ให้ลุกค้าเพิ่มมากขึ้น
โดยอัตราดอกเบี้ยที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) กำหนดนั้นหลังจากที่ได้มีการขอขยายเพดานอัตราดอกเบี้ยกับทางธปท.แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้านั้น ส่งผลให้ภาระของผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้น โดยพิจารณาต้นทุนการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อจากช่วงปีก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 4 -5 % แต่ปัจจุปันอยู่ที่ 6- 7 % ประกอบกำต้นทุนการดำเนินงานด้านการติดตามหนี้ และการบริหารองค์กรที่เพิ่มขึ้น หากสถานะการณ์ยังคงอยู่ระดับนี้ประกอบกับราคาน้ำมันและปัจจัยต่างๆส่งผลให้ผู้ประกอบการอยู่ในสถานการ์ที่ลำบากหรือลดการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปหาตลาดมืด โดยในแง่ของทาง ธปท.เองก็อาจจะเห็นตัวเลขการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงโดยอาจจะมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีแต่จริงๆแล้วผู้บริโภคหันไปหาตลาดมืด รวมทั้งด้านข้อมูลเครดิตก็จะไม่แสดงที่เครดิตบูโรด้วยเช่นกัน
|