ไอ.ซี.ซี.ฯดัน มิซูโน สุดตัว รับตลาดกอล์ฟเฟื่อง เร่งมือขยายจุดจำหน่ายพร้อมเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ตอบรับตลาด ชูจุดแข็งเทคโนโลยีและความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์

นายอัษฎาวุฒิ สัมมาทรัพย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ มิซูโน บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึงแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์กอล์ฟ “มิซูโน” ในปีนี้ว่า การแข่งขันในตลาดกอล์ฟเริ่มมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเริ่มมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าตลาดมากขึ้น แม้ว่าจะมีจำนวนผู้เล่นกอล์ฟขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วยก็ตาม โดยในขณะนี้มีการแข่งขันกันด้านราคาค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตามบริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะไปเล่นเรื่องราคา แต่จะหันมาสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคคุ้มค่าในการซื้อมิซูโน เนื่องจากการเล่นเรื่องราคานั้นจะทำให้ตลาดรวมเสียอีกทั้งภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็จะเสียไปด้วย แม้ว่าสินค้าของบริษัทฯจะแพงกว่าของคู่แข่งแบรนด์อื่นเกือบ 10-15% ก็ตาม เพราะส่วนใหญ่แล้วสินค้าของมิซูโนจะเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ

นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีแผนที่จะขยายจุดจำหน่ายของมิซูโนเพิ่มมากขึ้นด้วยเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด เพิ่มประมาณ 10-15 จุด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการหาทำเลที่มีความเหมาะสมที่จะสามารถเปิดได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันนี้การหาทำเลดีๆในการเปิดจุดจำหน่ายหายากมากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการขยายจุดจำหน่ายตามธุรกิจค้าปลีกทั้งหลายที่เป็นรายใหญ่ที่เปิดขึนมาใหม่ๆในทุกพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมาได้เปิดจุดจำหน่ายเพิ่มไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 จุด ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ร้านซูเปอร์สปอร์ตชลบุรี เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทฯมีจุดจำหน่ายในรูปแบบเคาน์เตอร์ของมิซูโนมากกว่า 60 คอร์เนอร์แล้ว ซึ่งกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกกีฬาที่เป็นเชนระดับใหญ่ เช่น ซูเปอร์สปอร์ต สปอร์ตเวิลด์ เดอะมอลล์ และโชว์รูมที่อาคารธนิยะ เป็นต้น

“เราทำตลาดผลิตภัณฑ์มิซูโนในไทยมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะที่ในญี่ปุ่นเองก็จะครบรอบร้อยปีในปีนี้เช่นกัน ถือได้ว่า เราสามารถผลักดันสินค้ามิซูโนให้ติดตลาดในไทยได้อย่างดี โดยชูจุดแข็งคุณภาพของสินค้า และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆลงไปในตัวสินค้าตลอดเวลา จนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ ท็อป์ไฟว์ในเมืองไทยแล้ว”

ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมงานซูเปอร์กอล์ฟซูเปอร์สปอร์ต ที่เซ็นทรัลชิดลม โดยคาดหวังยอดขายในงานนี้เพิ่มขึ้น 5-10% จากการเข้าร่วมงานเมื่อปีที่แล้วที่จำหน่ายได้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยปีที่แล้วยอดขายสูงเป็นอันดับที่ 3 ของจากทุกบริษัทที่ร่วมงาน ส่วนรายได้รวมปีที่แล้วมีประมาณ 160 ล้านบาท และปีนี้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีกจากเดิม

ในปี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้นำเสนอเช่น ไม้กอล์ฟ รุ่น JPX หัวใสและไดร์ฟเวอร์ ราคาประมาณ 24,000 บาท 2.ไม้ตี หัวใสและหัวเหล็ก ตระกูล MP ราคา 25,000 บาท และ 3.รองเท้าระบบ อิมแพคกริปซิสเต็ม ราคา 5,900 บาท