"เมโทรสตาร์ฯ"ปรับแผนธุรกิจใหม่ หลังเจอเศรษฐกิจผันผวน วางแผนระยะกลางและยาว เล็งเปิดโรงแรมในกรุงเทพและหัวเมืองชายทะเลปี49เริ่มดำเนินการ พร้อมเปิดอาคารสำนักงาน หวังเพิ่มรายได้จากค่าเช่า ส่วนแผนระยะสั้นผลิตสินค้าตรงตามความต้องการของตลาด โดดเล่นตลาดกลางผุดคอนโดฯระดับกลางล้านต้นๆ จากเดิมพัฒนาเฉพาะตลาดระดับกลาง-บน
นายรัตนะชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยมีความผันผวน อีกทั้งภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์เองยังมีวงจร(ไซเคิล)ที่แคบลง ทำให้บริษัทได้วางแผนการดำเนินใหม่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยการวางแผนออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว
ในส่วนของแผนระยะสั้น จะเน้นสร้างสินค้าตามความต้องการของตลาด สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยี(ไฮเทคโนโลยี)เพื่อรองรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ สำหรับการสร้างสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้านั้น บริษัทได้เตรียมแผนที่จะพัฒนาสินค้าในระดับกลางที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ คือคอนโดมิเนียมราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท โดจะพัฒนาในนามของแบรนด์สินค้าใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้และน่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
บริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท ซื้อได้ประมาณ 2-3 แปลง ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินเข้ามาให้เลือกในมือเกือบ 10 แปลง แต่ให้ความสนใจ 3 แปลง ซึ่งจะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับบน 2 แปลง ส่วนอีกหนึ่งแปลงพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลาง ราคา 1 ล้านต้นๆ
"เราเคยทำตลาดระดับ B+ - A มาแล้วทำให้รู้ว่าถนนเส้นเดียวกันสามารถพัฒนาในระดับราคาไม่เท่ากับ ขนาดของยูนิต รูปแบบสินค้าจะบ่งบอกความเป็นเกรด A ได้ทุกยุคทุกสมัย ส่วนระดับ B ขนาดยูนิตก็จะลดหลั่นกันลงมาและอยู่นอกเขต CBD ออกไป อย่างรัชดา ลาดพร้าว ฝั่งธนฯ" นายรัตนะชัยกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้แบบเฉพาะเจาะจงวงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งเงินที่ระดมทุนได้ จะนำมาซื้อที่ดินและพัฒนาบางส่วน สำหรับแผนระยะกลางใน 2-3 ปีนี้ บริษัทได้เตรียมพัฒนาอสังหาฯประเภทใช้เช่า ที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่พัฒนาแล้วขายเพียงอย่างเดียว โดยจะพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า และโรงแรม ซึ่งภายใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากการขาย 70% และรายได้จากการเช่า 30% ซึ่งอาคารสำนักงานนั้นในช่วงแรกจะพัฒนา 1 อาคาร ขณะนี้อยู่ระหว่างหาที่ดิน
ส่วนการพัฒนาโรงแรมนั้น จะพัฒนาให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและตามหัวเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ได้แก่ ภูเก็ต ,สมุย ,หัวหิน และพัทยา โดยการดำเนินการจะเป็นเครือข่ายส่งต่อลูกค้าให้แก่โรงแรมในเครือ เช่น เมื่อลูกค้ามาเที่ยวในเมืองไทยต้องพักที่กรุงเทพฯก่อนหลังจากนั้นก็ไปตามหัวเมืองท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินงาน คาดว่าภายในปี 2553-2554 จะมีครบทุกแห่ง
ทั้งนี้การที่ในอนาคตอันใกล้ไทยจะเป็นศูนย์กลางการบิน จะทำให้มีเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองไทยจำนวนมากขึ้น ดังนั้นหากมีโรงแรมสำนักงานที่เป็นเครือข่ายเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว จะเกิดประโยชน์อย่างมาก ประกอบกับการลงทุนของภาคเอกชนมีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในไทยเพิ่มขึ้นมากเฉพาะในปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้นถึง 20,000 คน ซึ่งอาคารสำนักงานก็จะเป็นความต้องการอีกประเภทหนึ่ง
"เราคิดไว้จะทำรีสอร์ท โฮเต็ล ในแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล อย่างหัวหิน ,พัทยา ,ภูเก็ต และสมุย ปี2550คิดว่าน่าจะได้เห็น ส่วนแผนระยะยาวนั้นเราต้องการมีสินค้าที่ครอบคลุมทั้งประเภทขายและให้เช่า เป้าหมายของเราไม่ต้องการขึ้นเป็น Top 3 ,Top 5 แต่เราต้องการเป็นบริษัทที่มีคุณภาพ ผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของลูกค้า สร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น" นายรัตนะชัยกล่าว
|