Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 พฤษภาคม 2549
หุ้นไทย 10 วันรูด 83 จุดมาร์เกตแคปสูญ5แสนล้าน             
 


   
search resources

Stock Exchange




หุ้นไทยยังโงหัวไม่ขึ้น ดิ่งต่อ 13.07 จุด ดัชนีเฉียดหลุด 700 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังทิ้งหุ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ 10 วัน ยอดขายสุทธิรวม 3.35 หมื่นล้านบาท กดดัชนีลดลงไปแล้ว 83 จุด หรือ 10.61% มาร์เกตแคปหายไปประมาณ 5 แสนล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์คาดวันนี้ดัชนีอาจหลุด 700 จุด จากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่มีแรงซื้อนักลงทุนในประเทศทยอยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มพลังงาน ธนาคาร

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ค.) ดัชนียังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากแรงขายนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ดัชนีปิดที่ 701.03 จุด ลดลง 13.07 จุด หรือลดลง 1.83 จุด ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ 714.03 จุด ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 701.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,379 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,410.54 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,480.92 จุด นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,929.62 ล้านบาท

***หุ้นไทยรูดแล้ว83จุดมาร์เกตแคปหาย5แสนล้าน

"ผู้จัดการรายวัน" ได้รวบรวมการปริมาณการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า นักลงทุนต่างประเทศได้เทขายต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 11 25 พ.ค. 2549 รวมเวลา 10 วันทำการ ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศได้เทขายสุทธิ 33,544.71 ล้านบาท และดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาแล้วเป็นจำนวน 83.25 จุด หรือ 10.61% ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปของตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยเปรียบเทียบจากเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม มาร์เกตแคปอยู่ที่ระดับ 5,636,481.25 ล้านบาทเทียบกับเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม อยู่ที่ระดับ 5,151,434.11 ล้านบาท

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 พ.ค.) ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเม็ดเงินไหลออกดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่แรงขายก็มีการลดลงจากเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 พ.ค.) คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านดัชนีฯได้มีการปรับตัวลดลง 10 วันทำการ หรือ 10% และค่า P/E หุ้นไทยซึ่งคิดจากผลประกอบการ 4ไตรมาสย้อนหลัง อยู่ที่ 8.5 เท่า และเชื่อว่านักลงทุนภายในประเทศน่าจะมีการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และมีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น พลังงาน ธนาคาร แต่อาจะมีการแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่มาก โดยมองแนวรับที่ระดับ 695-700 จุด แนวต้านที่ 710-715 จุด

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องจาก ในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ซึ่งส่วนตัวมองว่าการที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นไทย จากที่ต้นปีต่างชาติมีการซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องและการที่ปตท. มีการส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการขึ้นราคาน้ำมัน และจากที่จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างประเทศต้องมีการลดการลงทุน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลดลงต่ำกว่า 700 จุด แต่จะมีแรงซื้อของนักลงทุนระยะสั้นเข้ามาเก็งกำไรโดยมองแนวรับที่ระดับ 695 จุด แนวต้านที่ระดับ 703 จุด

นางสุภากร สุจิรัตน์วิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดวานนี้ ลดลง เนื่องจาก ตลาดภูมิภาคเอเซียมีการปรับตัวลดลง ยกเว้นจีนกับอินเดียที่ตลาดปิดตัวในแนวบวก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดภูมิภาคลดลงเนื่องมาจากสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โลหะเหล็ก ที่มีราคามีการปรับลดลง และนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นไทย ในกลุ่ม ธนาคาร พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตเคมี ด้านกลุ่มสื่อสารมีการปรับตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยอื่นๆไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การเมือง ก็เป็นปัจจัยเดิมที่มีผลกระทบไม่มากนัก

สำหรับภาวะตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแกว่งตัวในกรอบ 707-714 จุด แต่หากไม่สามารถยืนได้ดัชนีฯก็จะอยู่ที่ 686-690 จุด และคาดว่าดัชนีฯในอีก 2 อาทิตย์ จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยกาอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ดัชนีฯปรับตัวลดลงจากนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณที่นักลงทุนต่างประเทศจะหยุดขาย ซึ่งจะยังคงขายหุ้นไทยต่อไปถึงต้นเดือนมิ.ย. เหราะ ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นการลงทุน แต่คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งในวันที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ที่อาจทำให้นักลงทุนโยกเงินจากสิงคโปร์มาลงทุนในไทยเพิ่ม แต่คงเป็นการลงทุนที่ไม่มากนัก

ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะ เป็นการขายเพื่อลดการลงทุนในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด ไม่ใช่เพียงประเทศไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีแรงขายออกมามากที่สุดเนื่องจากปัจจัยลบที่กระทบการลงทุนมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจัยลบหลักที่กดดันการลงทุนคือ อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ส่วนปัจจัยในประเทศคือการเมือง ปัญหาภาคใต้ที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งอุทกภัย

บริษัทแนะนำการลงทุนโดยให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารเมื่อราคาอ่อนตัวปรับลงมาก เนื่องจากมองว่าจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์เมื่อนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยประเมินแนวรับวันนี้(26พ.ค.)ที่ 688-690 จุด และแนวต้านที่ 706.708 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us