|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“วัฒน์ชัย” ปรับเป้ารายได้ ไอ-โมบายจาก 1.8 หมื่นล้านขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านบาท หลังเห็นยอดขายในไทยและเทศพุ่ง คาดสิ้นปีทำตลาดมือถือได้ไม่น้อยกว่า 4 แสนเครื่อง ส่วนไทยอย่างต่ำเป็นล้านเครื่อง ด้านการลงทุนยังเน้นเดินหน้าพลังงาน ธุรกิจรายรับระยะยาวชัดเจน กลางปีเล็งปรับโครงสร้างแข่งขันใหม่ ขณะที่กลุ่มผู้บริหารปราบปรื้มหลังอัญเชิญตราตั้งครุฑขึ้นประดิษฐาน ณ อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย มีการปรับเป้ารายได้รวมปีนี้เป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิมปรับเพิ่มขึ้น 18,000 ล้านบาท จากช่วงสรุปผลประกอบการไตรมาสที่1 กำหนดไว้ที่ 15,000 ล้านบาท โดยเห็นจากปัจจัยของอัตราการเติบโตธุรกิจส่วนของยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในต่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น ประเทศมาเลเซีย มีผลกำไรเฉลี่ย 10 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือ เติบโตเฉลี่ย 5-6 % อีกทั้งในเดือนมิถุนายนนี้จะเข้าไปทำตลาดในประเทศอินโดนีเซียอย่างเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าจะมียอดขายรวมไม่น้อยกว่า 4 แสนเครื่อง และล่าสุด ไอ-โมบาย รุ่น 311 ได้ขายที่อินโดนีเซียไปแล้วกว่า 5 หมื่นเครื่อง
“การปรับเป้าครั้งนี้กลุ่มไอ-โมบายจะขอดูผลประกอบการไตรมาส 2 อีกครั้ง ซึ่งไตรมาสที่ 1 รายได้ ถึง 7 พันล้านและถ้าไตรมาสยังทำต่อเนื่องไปได้ สิ้นปีนี้คงจะเกินกว่าเป้าที่วางไว้ 1.8 หมื่นล้าน”
ทั้งนี้บริษัทยังได้เข้าไปจัดตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง โดยร่วมมือกับบริษัทที่อยู่ในประเทศนั้นๆเพื่อดำเนินงานร่วมกัน โดยตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศไว้ประมาณ 40% ในสิ้นปีนี้ จาก 20% ในปีที่แล้ว อีกทั้งยังได้มีการลงนามร่วมกับ โมโตโรล่า ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายในระดับภูมิภาค ดังนั้นจึงทำให้ธุรกิจไอ-โมบาย ในต่างประเทศจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตลาดในประเทศไทย ยังคงมีเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีมาร์เก็ตแชร์สูงขึ้น โดยเป้าหมายปีนี้ได้วางยอดจำหน่ายเครื่องรวมไว้ 1.5 ล้านเครื่อง โดยเป็นมือถือแบรนด์ไอ –โมบาย ไม่น้อยกว่า 70% หรือ 1 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับปี 2548 จำหน่ายได้กว่า 8 แสนเครื่อง ทั้งนี้เป็นผลมาจากสินค้าเป็นที่ยอมรับมากขึ้น หลังจากที่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี การดีไซน์ ทำราคาขายไม่สูงมาก ซึ่งมือถือในกลุ่มระดับราคา 4 พันบาทถึง 7 พันบาท จะจำหน่ายได้เยอะที่สุด
นายวัฒน์ชัย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของกลุ่มสามารถในครึ่งปีหลังอีกด้วยว่า บริษัทฯยังคงทำการลงทุนตามนโยบายบริษัทฯ ที่จะลงทุนตามแผนดำเนินธุรกิจที่เห็นภาพด้านรายรับหรือมีอัตราการเติบโตรายรับในระยะยาวที่ชัดเจน โดยเฉพาะในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ อย่าง การลงทุนด้านพลังงานในประเทศกัมพูชา ธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย และกัมพูชา ซึ่งรวมทั้งเรื่องแอปพลิเคชั่นบริการเสริมต่างๆที่จะทำให้เกิดรายได้กับโอเปอเรเตอร์มากขึ้น
“เน้นพอร์ตการลงทุน กระจายความเสี่ยง มีรายรับสม่ำเสมอ เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในกลางปีนี้อาจจะมีปรับโครงสร้างแข่งขันใหม่ รวมถึงปรับเปลี่ยนธุรกิจที่ไม่ก่อรายได้ชัดเจนออกไป ซึ่งมีบางตัวที่ลงทุนไปแล้วทำรายได้เข้ามาน้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งบอร์ดกำลังพิจารณากันอยู่”
ส่วนการเป็นผู้ให้บริการคนกลางผู้จับสัญญาณ (Traffic) และหักกลบลบหนี้จากปริมาณการใช้งานรับ-ส่งสัญาณในการสื่อสาร หรือที่เรียกว่า เคลียร์ริ่ง เฮ้าส์ ในการนำระบบค่าเชื่อมโครงข่ายหรืออินเตอร์คอนเน็กชั่น ชาร์จ(ไอซี)มาใช้ เพื่อให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรศัพท์พื้นฐาน ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการคอนเทนต์ ในระหว่างนี้ยังคงรอความชัดเจนจากทุกฝ่ายอยู่ ถึงการร่วมลงทุน การคิดอัตราบริการ รูปแบบค่าไอซีมาใช้งาน โดยบริษัทฯเตรียมพร้อมการลงทุนและให้บริการ
ทั้งนี้เคลียร์ริ่ง เฮ้าส์จะเป็นบริษัทตั้งใหม่ขึ้นมา และผู้ให้บริการโทรศัพท์หรือโอเปอเรเตอร์ต่างๆจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยสามารถคอร์ปจะเข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งระบบซึ่งจะมีรายได้จากการบำรุงรักษาระบบ ค่าธรรมเนียมในการให้บริการ
“ธุรกิจนี้ไม่มีคู่แข่ง การที่จะทำธุรกิจตรงนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย ซึ่งเราก็เป็นกลาง มีความเข้าใจในธุรกิจของทุกๆค่าย ซึ่งตอนนี้เราก็เจรจากับทุกค่ายอยู่ หากทุกอย่างมีข้อสรุปในปลายปีนี้ก็จะได้เห็น”
นายวัฒน์ชัย ได้กล่าวอีกว่า ในเดือนหน้า สามารถ จะปรับรูปแบบเนื้อหาและการให้บริการด้านคอนเทนต์ใหม่ ให้ออกมาในลักษณะเชิงสร้างสรรค์ ไม่มีการล่อแหลมในทางวัฒนธรรมและสังคม ทั้งในส่วนของบริการภาพ บริการเสียง 1900 ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับพระราชทานตราตั้งครุฑจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทำให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ให้สมกับเป็นองค์กรที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในการรับพระราชทานจากจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จัดพิธีอัญเชิญตราตั้งครุฑขึ้นประดิษฐาน ณ อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค หลังจากได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานตราตั้งครุฑจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548
สำหรับบรรยากาศได้มีบุคคลมีชื่อเสียง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้บริหารระดับสูง มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้มากมายร่วมกว่าร้อยราย อาทิ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิชัย เบญจรงคกุล นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นต้น
|
|
|
|
|