Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2539
02 สหวิริยา โอเอ "งบฝืด"             
โดย ไพเราะ เลิศวิราม
 

 
Charts & Figures

งบดุลของ บ.สหวิริยา โอเอ จำกัด (มหาชน)
งบกำไรขาดทุน


   
search resources

สหวิริยาโอเอ
แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ




ภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทย ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ค่อนข้างจะไม่เป็นไปตามที่คิดหมายกันไว้ ทำให้หลายธุรกิจต้องได้รับผลกระทบในด้านผลประกอบการ ซึ่งรวมถึงธุรกิจคอมพิวเตอร์ที่แม้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ไม่วายจะต้องเจอผลกระทบกับภาวการณ์ที่ผ่านมา ยิ่งเมื่อแจงงบดุลต่าง ๆ ออกมาก็ยิ่งฉายภาพได้ชัดขึ้น

บริษัท สหวิริยา โอเอ บริษัทค้าคอมพิวเตอร์หนึ่งในไม่กี่รายของเมืองไทย ก็หนีไม่พ้นภาวะดังกล่าว บริษัทลูก คือ ไทยซอฟท์ ปรากฏผลการดำเนินงานขาดทุน 5.19 ล้านบาทเป็นปีแรก หลังจากที่ส่งผลกำไรเข้ามายังบริษัทแม่มาโดยตลอด ในขณะที่สภาพคล่องและสินค้าคงเหลือก็อยู่ในภาวะที่น่าวิตก ว่าจะสามารถเคลียร์บัญชีตัวเลขให้ดีขึ้นได้หรือไม่ภายในไตรมาสสุดท้ายที่เหลืออยู่ของปี 2539 นี้

เฉพาะไตรมาสที่สองของปีนี้ สหวิริยา โอเอ มีกำไรสุทธิ 26.2 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 43.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นอันตรากำไรลดลง 40.25%

ในแง่ของยอดขายนั้น บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 18.8% ในไตรมาส 2 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 702.26 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมียอดขายเพียง 591.14 ล้านบาท

ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรกลับลดลงนั้น แสดงว่าบริษัทมีปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งเมื่อพิจารณางบกำไรขาดทุนในส่วนนี้แล้ว ปรากฎว่า รายการด้านนี้เพิ่มสูงขึ้นทุกรายการ

ต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น 20.56% เฉพาะงวดไตรมาสสองของปีนี้เทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็เพิ่มขึ้น 22.75% และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 37.61%

สหวิริยาฯ มีรายได้หลักจากการขายและบริการมากกว่า 90% โดยในไตรมาสสองมีรายได้จากการขายและบริการรวม 702 ล้านบาท จากรายได้รวม 757 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดคอมพิวเตอร์เป็นไปดังที่คาดการณ์กันมา คือ

มีการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นในเรื่องค่าใช้จ่าย จากงบกำไรขาดทุน ตัวเลขค่าใช้จ่ายและรายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยเฉลี่ย แต่ผลกำไรจะเริ่มลดน้อยลง ช่องทางทำกำไรของธุรกิจคอมพิวเตอร์มีแนวโน้มลดลง แม้จะมีตัวเลขยอดขายสูงขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายก็สูงตามกันมาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

วกกลับมาดูสภาพคล่องของสหวิริยาจากตัวเลขในงบดุลของครึ่งปีแรกของปี 2539 สัดส่วนระหว่างหนี้สินหมุนเวียนและสินทรัพย์หมุนเวียนใกล้เคียงกันมาก ยังสามารถคุมไว้อยู่

แต่น่าสังเกตว่า บริษัทมีสินทรัพย์อื่นเพิ่มสูงและเป็นรายการที่มีมูลค่าสูงในรายการสินทรัพย์รวมด้วย

นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้สินของบริษัทยังมาจากรายการเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมธนาคารเป็นหลัก การเป็นเจ้าหนี้การค้าเพิ่มมากขึ้นเป็น 572 ล้านบาท ในปี 2539 จากปี 2538 ที่มีการเป็นเจ้าหนี้การค้าเพียง 131 ล้านบาท ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากนโยบาเยรื่องการใช้ซัปพลายเออร์ เครดิต

ว่ากันว่า ปัญหาการเงินบางส่วนมาจากการที่บริษัทเร่งจำหน่ายสินค้าออกไปจากสต็อก แต่ไม่สามารถเร่งรัดเก็บหนี้สินเข้ามาได้ ทำให้บริษัทขาดเงินสดหมุนเวียนที่ควรจะมีมากกว่าที่เห็น

เพราะถ้าสินค้าระบายไม่หมดใน 6 เดือน หลังจากนำเข้า อีกปัญหาหนึ่งที่จะตามมาติด ๆ ก็คือ ตัวเลขสินทรัพย์รวมจะลดลงทันที เมื่อมีการตีมูลค่าสินค้าคงเหลือใหม่อีกครั้งหลังจากหักค่าเสื่อมราคา อันเนื่องมาจากสินค้าตกรุ่น เพราะผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์เป็นสินค้าที่มีพัฒนาการเร็ว ถึงขั้นที่ว่าภายใน 6 เดือนหากจำหน่ายไม่หมด ราคาสินค้าจะลดลงเหลือเพียง 20% จากราคาเดิมทันที

ทำให้ต้องมาลุ้นกันว่า ภายในสิ้นปีนี้ สินค้าคงเหลือของสหวิริยาในครึ่งปีแรก ที่มีอยู่มากขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2538 คือ จำนวน 914 ล้านบาท จะสามารถล้างออกไปได้หมด สต็อกก็จะถูกหักค่าเสื่อมราคาหรือไม่

แจ็ค อธิบายปัญหาเรื่องงบดุลและงบกำไรขาดทุนว่า "เรื่องดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรม แม้แต่ธนาคารยังเจอ แต่เราเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่มีปัญหา จุดที่มี คือ เรื่องสินค้าคงเหลือกับรายการลูกหนี้ค้างรับ ซึ่งตรงนี้เราไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าไตรมาส 3 จะฟื้นตัวและไตรมาส 4 จะกลับคืนสู่ปกติ"

นอกจากนี้ เราเชื่อว่าปัญหาเรื่องลูกหนี้ค้างรับไม่ใช่เกิดกับเขาเพียงรายเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกิดทั้งอุตสาหกรรมและทุกอุตสาหกรรม "ณ วันนี้ ปัญหาที่ใหญ่ทีสุด คือ การเรียกเก็บเงิน ทุกคนจ่ายเงินช้ากว่ากำหนดทั้งนั้น"

"ผมมีวิธีการแก้ปัญหาหลายแบบ เช่น สินค้าคงเหลือจะไปอยู่ที่ดีลเลอร์ หรือเอนยูสเซอร์บ้าง ไม่ใช่ที่เราทั้งหมด เราต้องหาวิธีบริหาร พยายามให้มี fast moving มีกิจกรรมที่จะระบายของออกไปหรือสร้างโอกาสให้คนต้องการซื้อ นอกจากนี้ ที่อาจช่วยได้อีกก็คือ เราพยายามที่จะขอซัพพลายเออร์เครดิต และเราพยายามที่จะขายลดราคาเมื่อชำระด้วยเงินสด (cash discount)" แจ็คเผยไต๋เทคนิคบริหารซึ่งเป็นการตอบโต้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากและเป็นการกล้าสู้ปัญหาด้วย

ด้านดอกเบี้ยจ่าย เขาเชื่อว่า เขาสามารถคุมอยู่ และทิศทางรวมของเศรษฐกิจไทยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นได้ "ถ้าเลวร้ายมากกว่านี้ ผมคิดว่าเราจะเกิดพฤษภาทมิฬอีกครั้งก็ได้ !" แจ็ค กล่าว

ต่อประเด็นเรื่องการลงทุนในส่วนโทรคมนาคมซึ่งยังไม่ได้สร้างรายได้เข้ามานั้น แจ็คให้เหตุผลว่าเขาได้บอกไว้ชัดเจนแต่แรกว่าการลงทุนนี้ต้องมีผลการขาดทุนในช่วงแรกนาน 2-3 ปีได้ ทั้งนี้เขาเพิ่งเริ่มธุรกิจด้านนี้แค่ปีถึงปีครึ่งเท่านั้น

ขณะที่ธุรกิจหลักนั้น เขายังมองว่าผลการดำเนินงานยังอยู่ในทิศทางที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ ด้านไอที เทอร์มินัล คาดว่าจะโต 40% แต่ปีนี้อาจจะได้แค่ 25-30% เท่านั้น เมื่อถึงสิ้นปี ซึ่งอัตราการเติบโตที่ลดลงนี้ก็จะมีผลต่อรายได้เมื่อสิ้นปีแน่

แต่ในส่วนของเอสไอนั้น เป็นธุรกิจที่ทำได้ดีมาก แจ็คคาดหมายว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่า 10% จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ จะโตถึง 30% -35% จากที่เคยคาดว่าจะโตแค่ 20% - 25%

ดังนั้น เมื่อถึงสิ้นปีจึงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้และจนถึงปี ค.ศ.2000 สหวิริยา โอเอ ต้องเติบโตปีละ 30% ทุกปี ขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ระหว่าง 20% - 30%

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us