|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มิถุนายน 2549
|
|
ภายใต้โคมไฟ "Bellini" ที่ส่องแสงระยิบระยับจากอาการพลิ้วไหวของเรซิ่นโมเสกสีฟ้านวลตาที่ร้อยห้อยระย้า นิติพันธ์ ดารกานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท N Cube ยิ้มให้กับโอกาสที่ได้โชว์ผลงานวัสดุสร้างสรรค์ของคนไทยที่ไม่ก๊อบปี้ใคร จนได้รับการบรรจุเข้าห้องสมุดโลก Material ConneXion Bangkok ของ TCDC (Thailand Creative & Design Center)
ชิ้นงานสร้างสรรค์ดังกล่าวคือ "เรซิ่นโมเสก" ของบริษัท N Cube ที่นิติพันธ์กับทีมงานทำ R&D มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว คิดสร้างต้นแบบ และ เครื่องจักรเอง ภายใต้แรงสนับสนุนของบริษัทแม่ สหยูเนี่ยน ซึ่งต้องถือว่า นิติพันธ์ได้แตกไลน์จากฐานธุรกิจกระดุมเม็ดเล็กๆ ไปสู่การสร้างธุรกิจวัสดุตกแต่งที่อินเทรนด์กับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
นิติพันธ์เป็นบุตรชายของสุเมธ ดารกานนท์ ซึ่งเป็นน้องชายของดำริห์ เจ้าของสหยูเนี่ยน "ตอนนี้คุณพ่อเกษียณแล้วแต่ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนผมดูแลธุรกิจกระดุมของสหยูเนี่ยน และบริษัท N Cube ซึ่งถือว่าเป็น craft new creation ที่เพิ่งเริ่มเปิดตัว"
จากพื้นฐานชีวิตวัยเด็กที่ศึกษาในอเมริกา นิติพันธ์จบปริญญาตรี จาก University of California, Berkley และปริญญาโทจาก Cornell University ในสาขาวิศวกรรมเคมี และได้กลับมาเรียนเอ็มบีเอที่ศศินทร์รุ่นปี 1997 จนกระทั่งปี 2000 เริ่มต้นสหัสวรรษใหม่ เขาก็ได้ตั้งบริษัทN Cube ของคนหนุ่มสาวขึ้นมาจากแรงบันดาลใจที่รักงานศิลปะและงานตกแต่งบ้าน นอกเหนือจาก hobby ส่วนตัวที่ชอบท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในยุโรป ถ่ายรูป และเขียนภาพดรออิ้ง
"ครั้งหนึ่งผมเดินทางไปเรื่องงาน และตกเย็นผมมีโอกาสได้ไปชมโบสถ์แห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ตอนแรกผมก็ดูแบบนักท่องเที่ยว ก็นึกชมว่าโบสถ์สวยดี พอเงยมองเพดานก็สวยมาก และใกล้ๆ ทางเดินออก ก็มีรูปโมเสกอยู่ใกล้ๆ กำแพง ผมก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภาพศิลปะที่ทำจากโมเสก นึกว่าเป็นภาพเขียน painting ผมทึ่งมากกับฝีมือที่เนี้ยบ..โอ้โฮ มันสวยมากถึงขนาดผมสงสัยว่า ทำไมคนไม่ใช้โมเสกกันเลยในบ้านเรา เนื่องจากงานมันละเอียด ต้องใช้ฝีมือมากและยากในการทำ เช่นเวลาตัดหินก็ยาก และต้องเลอะเทอะด้วยการฉาบปูนยึดติด กว่าจะรอให้แห้งก็นาน แต่ผมก็ยังคิดถึงความสวย ก็เลยคิดอยากจะลองเอาความคิดนี้มาทำ" นิติพันธ์เล่าให้ฟัง
จากแรงบันดาลใจนี้นี่เอง ได้สร้างธุรกิจใหม่ให้เกิดขึ้นกับ N Cube ซึ่งฉีกแนวจากเดิม
"หลังจากจบศศินทร์ ผมก็คิดตั้งบริษัทนี้เพราะอยากจะลองของใหม่ประเภทงานวัสดุเพื่อการออกแบบ (Art Modern Material) ตอนแรกเราทำวิจัยตลาดก่อนลงมือ งานแรกๆ จะมีลักษณะเป็น OEM แบบทำตามสั่ง ไม่ได้ดีไซน์อะไร แต่ต่อมาเราค่อยๆ สร้างบุคลากร แบรนด์ และคอนเซ็ปต์ ตัวเอง"
ปัจจุบัน N Cube มีสินค้าเรซิ่นโมเสกหลักอยู่ 2 แบรนด์ ที่มี character ของวัสดุต่างกันทั้งคุณภาพ สีสัน และขนาด เพื่อสร้างตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ด้วยกลยุทธ์การตลาดต่างๆ คือ
แบรนด์ "Crystaline สำหรับเรซิ่นโมเสกสมัยใหม่ (art modern material) รูปทรงกลมและแบบเหลี่ยมมี 4 ขนาด ตั้งแต่ 5-10-15-20 มม. ที่มีให้เลือกมากกว่า 80 สี ในเนื้อผิวต่างกันถึง 5 เนื้อ เช่น ผิวมัน ผิวด้าน ผิวเงา ผิวใส และเนื้อหินอ่อน รวมถึงหีบห่อที่บรรจุแบบเป็นถุงละ 40 บาท หรือขนาดกล่อง 170 กรัม ราคา 230 บาท จนถึงการชั่งน้ำหนักขายเป็นกิโลกรัม สำหรับขาใหญ่ที่อยากตกแต่งผนังและของใช้ในแบบตามใจฉัน
ทั้งนี้ ตลาดใหญ่อยู่ในกลุ่มเด็กถึงผู้ใหญ่ที่ชอบทำเป็น hobby โดย N Cube จัดให้มี event workshop เช่น วันวาเลนไทน์ ตามจุดขายปลีกตามห้างสรรพสินค้า หรือจัดประกวดความคิดสร้างสรรค์ creative contest เช่นล่าสุดงาน follow your imagination
"นอกจากนี้เรายังทำหนังสือคู่มือ และวิดีโอ how to และ idea books เพื่อจุดประกายความคิด เช่นเอาไปตกแต่งทำโคมไฟ" นิติพันธ์เล่า
ส่วนอีกแบรนด์คือ Bellini สำหรับชิ้นงานดีไซน์สำเร็จรูป (finished design products) เช่น โคมไฟ ที่เริ่มต้นจับตลาดระดับบนลงมา อย่างโครงการหมู่บ้านระดับหรู
"ผมต้องการให้ Bellini อยู่ในตำแหน่ง premium products คือ meet to hi-end เน้นด้านดีไซน์และครีเอทีฟ มีความเป็น unique design ของเรา โดยชิ้นงานของ Bellini จะมีบุคลิกเด่นเป็นโมเสก และจะเปลี่ยนตามสมัยนิยม ในอนาคตเราอาจจะทำสิ่งอื่นที่ไม่ใช่โคมไฟ แต่จะอยู่ในธุรกิจ decoration product" นิติพันธ์วาดหวังกระแสตลาดตอบรับระดับสูง
ระดับราคาของโคมไฟ Bellini มีตั้งแต่ 6,900-40,000 บาท โดยแต่ละชุดก็มีรูปทรงและขนาดต่างกันตามรสนิยม เช่นชุด @first series เป็นต้น
ดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่อินเทรนด์ของ Bellini และ Crystaline กลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจที่สามารถสร้างมูลค่า ตลาดภายใน 8-9 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่สยามพารากอน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายแท้จริง
อย่างไรก็ตาม นิติพันธ์ในฐานะผู้นำ N Cube ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากการปรับพัฒนาธุรกิจและทีมงานหนุ่มสาวแบบ evolution ให้ก้าวทันสมัยกับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของรสนิยม และไลฟ์สไตล์ของคน ภายใต้โลกสี่เหลี่ยมของตัวเอง
|
|
|
|
|