Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2549
เป้าหมายใหม่ของ OK CASH             
 


   
www resources

โฮมเพจ วีซ่า
โฮมเพจ เพย์เมนท์ โซลูชั่น

   
search resources

วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
เพย์เมนท์ โซลูชั่น, บจก.
Debit and Cash Card




บัตรพรีเพด ที่แม้จะเป็นของที่คนในประเทศที่พัฒนาแล้วนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานับสิบๆ ปี แต่ในเมืองไทยยังถือเป็นเพียงของใหม่ แถมยังมีปัญหา จุดขาย จุดเติมเงิน พันธมิตรร้านค้าเครือข่ายให้บริการยังไม่กว้าง และผู้ให้บริการก็ยังต้องใช้เวลาแก้ไขกันอีก

VISA ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดระบบการชำระเงินด้วยบัตรรายใหญ่สุดในไทย ประกาศไว้ชัดแล้วว่า เป้าหมายในปีนี้ของพวกเขาคือ ต้องผลักดันให้ 4 ผลิตภัณฑ์บัตรชำระเงินเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในฐานะที่จะเป็นสื่อกลางการชำระค่าสินค้าและบริการ ที่อนาคตจะเข้าทดแทนการใช้จ่ายในรูปเงินสด โดยบัตรพรีเพดถือเป็น 1 ใน 4 ผลิตภัณฑ์แห่งปีที่ VISA จะก้าวเข้ามาช่วยกระตุ้นเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรประเภทนี้ให้มากขึ้น

ส่วนทางเพย์เมนท์ โซลูชั่น ผู้ให้บริการบัตรเงินสดยี่ห้อ "OK CASH" นั้น หลังจากใช้เวลาปีเศษๆ กับการทำตลาดในกลุ่มวัยทีน และคนทำงานที่มีเงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาท ซึ่งถือบัตรรวมกันราว 200,000 ใบ โดยแต่ละคนจะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาท หรือ 200 ล้านบาท หากคิดเป็นยอดรวมการใช้บัตรนั้น ก็เริ่มคิดว่าจะต้องทำพอร์ตใหม่ๆ ขยายฐานครอบคลุมคนที่มีกำลังซื้อ และกลุ่มที่อายุมากขึ้น

จนล่วงเข้าปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงเป็นเวลาที่ทั้ง ธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการทั่วไป เพย์เมนท์ โซลูชั่น และสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการ วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จะต้องออกมาร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวบัตรท่องเที่ยวแบบเติมเงินบัตรแรกของไทย ในคอลเลกชั่น "เรารักในหลวง" ที่สิทธิพิเศษของผู้ใช้บัตรนี้ ดูจะใกล้เคียงกับผู้ถือบัตรเครดิต คือได้ส่วนลดราว 10-60% จากการใช้บัตรซื้อบริการในร้านค้าหรือที่พักโรงแรม ซึ่งเป็นเครือข่ายของวีซ่า

หากมองผ่านกลยุทธ์การทำตลาด ซึ่งครอบคลุมทั้งฐานนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติในประเทศ ที่มุ่งเน้นกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไปแล้ว ดูเหมือนว่าธานินทร์จะบอกเป็นนัยๆ ว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่จำนวนบัตรที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องการขยายการให้บริการสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งมีพลังการจับจ่ายใช้สอยที่แรงยิ่งกว่าพอร์ตที่มีในปัจจุบัน

แม้ผู้บริหารจากทั้ง 2 ค่าย บอกว่ายังมองไม่เห็นภาพแนวโน้มความนิยมที่ชัดเจนของผู้บริโภคในตอนนี้ จากที่ตลาดยังอยู่ในช่วงเตาะแตะก็ตาม แต่ระหว่างการแถลงข่าวนั้น ทั้งคู่ต่างก็เน้นย้ำให้เห็นเป็นช่วงๆ ถึงสารพัดข้อดีจากการใช้บัตรเงินสดที่มีเหนือกว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์ชนิดอื่นทั้งมวล

แต่ที่เห็นจะชัดเจนเวลานี้คือ เมื่อความต้องการของผู้ให้บริการหมายเลข 1 จากตลาดทั้ง 2 ค่ายมาบรรจบกัน จนนำไปสู่ความร่วมมือเช่นนี้แล้ว พัฒนาการในตลาดบัตรเงินสดจึงเป็นที่น่าจับตามองเพราะต้องไม่ลืมว่าครั้งหนึ่ง VISA เคยประสบผลสำเร็จจากการอาศัยทุกยุทธวิธีในการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต

และเมื่อ VISA ได้ตัดสินใจจะเข้ามาปลุกตลาดบัตรเงินสดแล้ว ก็มีโอกาสว่าบัตรนี้น่าจะประสบผลสำเร็จในแบบเดียวกันกับกรณีของบัตรเดบิต ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี จำนวนผู้ถือบัตรก็โดด ขึ้นมายืนอยู่ที่ 11.4 ล้านใบเมื่อสิ้นปี 2548   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us