Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2539
สันติ โฮ สร้างคลื่นลูกที่สามให้จิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์             
 


   
search resources

แม่โขงมีเดียกรุ๊ป
สันติ โฮ
Jewelry and Gold




แม้จะเกิดมาในตระกูลค้าเพชรพลอยที่มีศูนย์ค้าเพชรขนาดใหญ่อย่างจิวเวลรี่ เทรดเซ็นเตอร์ ตั้งตระหง่านริมถนนสีลม แต่สันติ โฮ หนึ่งในทายาทของ ดับบลิว เค โฮ กลับเลือกที่จะเดินเข้าสู่ธุรกิจอินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี หรือไอที คลื่นลูกที่สามของธุรกิจในยุคนี้

ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจค้าเพชรส่งออก ทำให้สันติต้องเดินทางไปค้าขายยังประเทศต่าง ๆ และเขาก็พบว่าช่องทางขายในอดีตที่มีตู้วางสินค้า มีพนักงานมายืนรอลูกค้านั้นล้าสมัยไปแล้ว ในยุคโลกาภิวัฒน์ เมื่อสันติสามารถขายจิวเวลรี่นับเป็นพัน ๆ ชิ้น มูลค่านับล้านเหรียญได้ภายในนาที โดยผ่านสื่อทีวีในอเมริกา แทนที่จะวางขายตามห้างสรรพสินค้าที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน

จากจุดนี้ สันติเริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจัง และเขาก็พบอีกว่าแม้เมืองไทยจะเป็นแหล่งผลิตจิวเวลรี่แห่งหนึ่งของโลก แต่กลับต้องสูญเสียสิ่งที่ควรจะได้จากผลผลิตที่สร้งขึ้น เพียงเพราะไม่มีช่องทางจัดจำหน่ายเป็นของตัวเอง

"หากติดตามกระบวนการขาย จะพบว่าเราต้องเสียรายได้ไปเยอะมาก สมมติว่าคนไทยขายของถึงผู้บริโภคในต่างประเทศได้ 2,000 บาท คนไทยจะได้เพียง 200 บาท แม้ว่าเราจะออกแบบผลิตทำได้ทุกขั้นตอน เพียงเพราะเราไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นของตัวเองเท่านั้นเอง"

สิ่งที่สันติวาดหวังก็คือ การสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายในเมืองไทย เพื่อเป็นสื่อในการนำสินค้าที่ผลิตได้ส่งไปขายเมืองนอกภายใต้ยี่ห้อของตัวเอง เพื่อให้มูลค่าเพิ่มทั้งหมดที่ผลิตได้ยังอยู่ในไทย ทั้งความรู้ การค้า การออกแบบ รวมทั้งการพัฒนาตลาดแทนที่จะตกอยู่ในมือของต่างชาติ

วิธีสร้างช่องทางจำหน่ายในความหมายของสันติ ไม่ใช้การเข้าไปสร้างร้านค้า หรือ การส่งคนไปขายสินค้าในต่างประเทศ แต่หมายถึงการนำอินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี มาสร้างเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าไปยังผู้บริโภคต่างแดน ซึ่งสันติพบว่าสื่อเหล่านี้กำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นมากทุกที

"เมื่อก่อนผมต้องหิ้วกระเป๋าไปขายทีละเมือง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเสียเวลา แต่ต่อจากนี้เราจะส่งข้อมูล ส่งอีเมล หรือใช้วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ใช้ไอทีเข้าช่วยขายสินค้า" สันติกล่าว

ด้วยเหตุนี้บริษัทแม่โขงมีเดียกรุ๊ปที่สันติตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจหลายประเภทในอินโดจีน ทั้งลาวและเวียดนาม จึงหันเหมาสู่คลื่นลูกที่สาม ที่เป็นยุคของไอทีอย่างเต็มตัว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้างอิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ส ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ รีเทลริ่งอย่างเต็มตัว

สันติเรียกสิ่งที่เขาทำว่า การบุกเมือง แทนที่จะหนีเข้าป่าซึ่งเป็นที่นิยมกัน

ด้วยแนวความคิดที่ว่าทำอะไรต้องทำให้ใหญ่และถึงแก่น เดิมทีสันติเคยคิดจะทำ "มีเดียพาร์ค" บนเนื้อที่ 18 ไร่ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตข้อมูลที่มีคนงานหลายร้อยคนสร้างข้อมูล และนำข้อมูลเหล่านี้ไปขายในต่างประเทศ แต่ต้องเจอกับอุปสรรคบางประการ มีเดียพาร์คของสันติจึงถูกลดขนาดมาเป็น "มัลติมีเดียเซ็นเตอร์" ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4 ของอาคารจิวเวลรี่ เทรดเซ็นเตอร์

แต่เนื่องจากตัวแปรสำคัญของธุรกิจไอที คือความรู้และความเข้าใจของคนซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของธุรกิจทางด้านนี้ ดังนั้นส่วนประกอบของมีเดียเซ็นเตอร์ที่สันติกำหนดไว้มีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน

สันติ เล่าว่า ส่วนแรกศูนย์เทรนนิ่งเซ็นเตอรืซึ่งจะเป็นศูนย์ฝึกอบรมวิชา หรือแนวทางความคิดที่เกี่ยวกับไอทีที่จัดขึ้นมาเฉพาะนักธุรกิจในเมืองไทย ให้รู้จักการใช้ไอทีให้เป็นประโยชน์ต่อบริษัท

"ผมไม่ได้ทำให้นักเรียน หรือทำ เพื่อบันเทิง แต่ทำ เพื่อนักธุรกิจให้เขารู้ว่า ซีดี-รอมคืออะไร อีดีไอ คืออะไร เพราะถ้าเขาไม่รู้ เขาก็จะใช้ไม่ได้ จุดนี้เป็นอุปสรรคสำคัญ" สันติชี้แจง

ส่วนที่สอง คือ ดิจิตอลดีไซน์สตูดิโอ หรือ สตูดิโอผลิตสื่อเพื่อธุรกิจ ซึ่งจะเริ่มด้วยการให้เช่าสตูดิโอสำหรับทำโฮมเพจบนอินเตอร์เน็ตแก่ลูกค้า

สันติ มองว่าปัจจุบันลูกค้าที่ต้องการทำโฮมเพจไม่มีทางเลือกมากนัก เมื่อเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) รายใด ส่วนใหญ่มักจะทำโฮมเพจกับไอเอสพีรายนั้น ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในเรื่องประโยชน์จากขนาดของกำลังการผลิต (Economy of Scale)

"ลูกค้าเพียงแต่เอาไอเดียมาให้ เราจะผลิตออกมาให้ เพราะกระบวนการผลิตของเราจะเป็นโรงงานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เราทำให้ทุกคน เพียงแต่เอาความคิด เอาโพรดิวเซอร์มา หรืออยากจะผลิตเองแต่ไม่มีเครื่องมือ ก็มาเช่าสตูดิโอของเราได้ ซึ่งส่วนนี้เท่ากับเราเป็นผู้สร้างปัจจัยพื้นฐานให้ลูกค้า (infrastructure)" สันติชี้แจง

เมื่อสร้างปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานเสร็จแล้ว ก็มาถึงอิเล็กทรอนิกส์ รีเทลริ่ง ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่ในการรวบรวมเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้สำหรับสร้างช่องทางจัดจำหน่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการนำสินค้าของตนขายผ่านสื่อดังกล่าว

"เพราะตัวผมเป็นพ่อค้า และสื่อนี้เป็นวิธีที่ผมจะขายของได้ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินเช่าร้าน ตกแต่งร้าน แต่สามารถขายของได้โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในจุดนี้"

สื่อ หรือ ช่องทางจัดจำหน่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่สันติกำหนดไว้ ไม่ได้มีเพียงการขายของบนอินเตอร์เน็ต เครือข่ายในยุคไซเบอร์สเปซเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น ซีดีรอม หรือ วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของลูกค้า

สันติรู้ดีว่าธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหากทำโดยลำพัง โดยเฉพาะการเป็นหน้าใหม่ที่มาเป็นผู้เริ่มต้น วิธีที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุดคือการหาผู้ร่วมทุน ที่บริษัทไอทีในเมืองไทย เพราะนอกจากจะได้ทั้งเงินทุนประสบการณ์แล้ว ยังรวมถึงเครดิตด้วย

วิธีที่เขาเลือกใช้ในการหาผู้ถือหุ้น สันติก็เลือกใช้วิธีทางการตลาด คือ การลงโฆษณาตัวเอง เพื่อดึงดูดให้ผู้สนใจ แน่นอนว่า ต้องท้าทาย และเชื่อมั่นอย่างสูง

"บางคนคิดว่าคนไทยเป็นคนขี้ขลาด ซึ่งไม่กล้าหาญเดินไปในทิศทางใหม่ คอยดูสิ"

"บางคนคิดว่าคนไทย มีความฉลาดที่จะมองภาพกว้างจนกว่ามันอยู่บนทีวี เราไม่ มันมีอีกทางหนึ่ง แม่โขงมีเดีย"

"บางคนคิดว่าคนไทยเป็นก๊อปปี้แคทที่ไม่มีความรู้นำคนไปในยุคของไอที คนไทยชอบเลียนแบบคนอื่น และไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เราไม่ มันมีอีกทางหนึ่ง"

ในวันสุดท้าย สันติ ซื้อเนื้อที่โฆษณาสองหน้าเต็ม ใส่ข้อความไปว่า "บางคนคิดว่าคนไทยเป็นผู้นำในอนาคต และจะไม่ตามเขาอย่างเดียว เราเห็นด้วย มันมีอีกทางหนึ่ง และพูดถึงว่า ความฉลาดที่จะมองในอนาคต ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอย่างกะทันหันอย่างสิ้นเชิง ความรู้ที่จะแปรให้ความไม่แน่ใจเป็นความชัดเจน อำนาจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปถึงความร่มเย็นเป็นสุข แม่โขงมีเดียเป็นบริษัทประเภทใหม่ ที่มองการณ์ไกลของประเทศไทย ที่จะนำสินค้าไทยตรงไปยังตลาดโดยตรง โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์"

สันติ เล่าว่า หลังจากลงโฆษณามีบริษัทในวงการไอทีและโทรคมนาคม ติดต่อเข้ามาทันที 2 - 3 ราย ในจำนวนนี้เซ็นสัญญากันไปแล้ว 1 ราย และกำลังอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายราย

แม้ว่าทางเดินของแม่โขงมีเดียกรุ๊ปยังต้องอาศัยเวลาอีกยาวไกลเพื่อรอการพิสูจน์ หรืออาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่ยังไม่มีบทสรุป แต่ก็นับเป็นก้าวใหม่ของตระกูลโฮ ที่กำลังก้าวสู่คลื่นลูกที่สาม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us