หลังแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ RATCH เพียง 1 สัปดาห์เศษ ณรงค์ สีตสุวรรณ ก็ต้องออกมาแถลงผลดำเนินงานของบริษัทอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2549
ณรงค์เริ่มต้นด้วยการแจ้งผลกำไรสุทธิ ซึ่งมีทั้งสิ้น 1,933.79 ล้านบาท ลดลงจาก 2,149.14 ล้านบาท หรือราว 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2548
กำไรสุทธิที่ลดลงนี้เป็นผลจากต้นทุนขายที่เพิ่มสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าราชบุรี โดยส่วนหนึ่งนั้นมาจากการทำสัญญาจัดหาและซ่อมอะไหล่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรีกับบริษัท General Electric International Operations Co., Inc. และบริษัท GE Energy Parts, Inc. ของบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด รวมถึงการจ่ายค่าบริการและค่าซ่อมอุปกรณ์ในไตรมาสนี้เป็นเงิน 161 ล้านบาท อีกทั้งอัตราค่าความพร้อมจ่ายที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวปีนี้ยังคงต่ำกว่าปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้เหตุผลว่าพวกเขาได้ให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสูงสุด แต่ในเวลาเดียวกันบริษัทฯ ยังมีหน้าที่ที่ต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และค่าเสียโอกาสให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด เพื่อรักษาความสม่ำเสมอและความแน่นอนให้แก่ตัวรายได้ของกิจการ ที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงได้ทำการวางแผนงานซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าไว้อย่างรัดกุม
เช่นเดียวกับการลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการของโรงไฟฟ้า ด้วยการลงนามในสัญญาจัดหาและซ่อมแซมอะไหล่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกับ General Electric International Operations Co., Inc. และบริษัท GE Energy Parts, Inc. ในระยะเวลา 22 ปี โดยค่าใช้จ่ายจากการจัดหาอะไหล่และการบริการจะแบ่งชำระเป็นรายไตรมาส
ทั้งนี้ เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี จะมีประสิทธิภาพในการดำรงค่าความพร้อมในการกระจายกระแสไฟได้ตามที่ กฟผ.กำหนด ช่วยให้มั่นใจว่าโรงไฟฟ้า พลังความร้อนร่วมราชบุรีมีประสิทธิภาพในการดำรงค่าความพร้อมจ่ายได้ตามที่ กฟผ.กำหนด ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการจัดหาอะไหล่และการบริการจะแบ่งชำระในทุกไตรมาส
ด้านรายได้ในไตรมาส 1/2549 บริษัทฯ มีรายได้ค่าขายไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วยค่าความพร้อมจ่าย (AP) และค่าพลังงานเชื้อเพลิง (EP) ซึ่งคิดเป็นเงิน 12,388.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.22% จากไตรมาส 1/2548, ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นเป็น 109.41 ล้านบาท จาก 55.35 ล้านบาท, รายได้จากกิจการร่วมค้าเพิ่มเป็น 190.93 ล้านบาท จากที่เคยมี 104.20 ล้านบาท
ด้านต้นทุนขายสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้มีทั้งสิ้น 10,404.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.83% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายจากการขายและการบริหารเพิ่มขึ้น 128.32 ล้านบาท จาก 117.54 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 327.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 14.35% เทียบกับไตรมาส 1/2548
|