Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2539
เมอิทซึ ( ประเทศไทย ) รับงานใหญ่ชิ้นแรกในรอบ 8 ปี             
 

 
Charts & Figures

ผลงานและโครงสร้างเด่นของบริษัท


   
search resources

เมอิทซึ
ฟิลิป ฮิซาชิ ฟูรูซาวา
Sports




"เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จสูงสุด และเป็นอีกงานหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้าอย่างน่าประทับใจของประเทศ" ฟิลิป ฮิซาชิ ฟูรูซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอิทซึ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอย่างมั่นใจ

นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับตัวเขาที่สามารถนำพาบริษัทเสนอตัวเข้าประมูล "งานมหกรรมกีฬ่า และการละเล่นพื้นเมืองนานาชาติ ครั้งที่ 2" เป็นผลสำเร็จ และได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่ผู้แทนสิทธิประโยชน์ และประชาสัมพันธ์ของงาน ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 10-16 ธันวาคม ปีนี้ ณ กรุงเทพมหานคร

"งานนี้ถือเป็นงานแรกที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา" บุญเพิ่ม อินทนปสาธน์ ผู้จัดการโครงการกล่าวเสริม ดังนั้นการได้เป็นตัวแทนสิทธิประโยชน์และประชาสัมพันธ์งานมหกรรมกีฬา ฯ ครั้งนี้ ถือเป็นความหวังและโอกาสสร้างชื่อให้กับบริษัทเป็นอย่างมากเพราะเป็นงานระดับนานาชาติ

โดยก่อนหน้าที่จะประกาศผลมีบริษัทที่เข้าร่วมประมูลงานเพื่อทำหน้าที่นี้ถึง 4 บริษัท ซึ่ง ฟิลิปได้กล่าวด้วยความระมัดระวังว่า "เป็นการแข่งขันกันตามปกติมีการประกวดประมูลราคาและแผนประชาสัมพันธ์ และในที่สุดแผนงานของเราก็ได้รับคัดเลือก"

การรุกงานทางด้านกีฬาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของบริษั่ทในช่วง 1-2 ปีมานี่เอง โดยบริษัทได้จัดตั้งแผนก SPORT MARKETING ขึ้นเพื่อมาเสริมธุรกิจหลักที่ทำธุรกิจรับเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

"เราหันมาเน้นกิจกรรมทางด้านกีฬามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอล มอเตอร์ไซค์ หรือสนุกเกอร์ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติเช่นในครั้งนี้" ฟิลิปกล่าว

สาเหตุที่นโยบายบริษัทหันมาให้ความสำคัญทางด้านกีฬามากขึ้นนั้น บุญเพิ่มได้อธิบายเสริมว่าเป็นเพราะ " บริษัทมองเห็นว่าเรื่องของกีฬาจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าในอดีตงานที่รับทำอยู่ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องกีฬามากนักก็ตาม แต่คาดว่าต่อไปยอดบิลลิ่งของลูกค้าในธุรกิจที่เคยทำอยู่เดิมก็คงจะหาย ๆ ไป และเพิ่มยอดบิลลิ่งทางด้านกีฬาแทน "

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดบิลลิ่ง 120 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดบิลลิ่งประมาณ 150 ล้านบาท

สำหรับตัวฟิลิปเองเป็นทั้งผู้ก่อตั้งเมอิทซึ (ประเทศไทย) และพัฒนาบริษัทจนสามารถรับงานใหญ่เช่นนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของเขา ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในอดีตถึงเรื่องราวของเขาแล้ว หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาอักษรศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย KEIO ในปี 2520 เขาได้เข้าทำงานครั้งแรกในบริษัท RICHO INC.

หลังจากนั้นจึงผันตัวเองมาสู่ MEITSU BOZEIL INC. ในปี 2526 ตราบกระทั่งปี 2531 ภายใต้นโยบายการแตกสาขากว่า 40 แห่งทั่วโลกของเมอิทซึ ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ให้มาปลุกปั้นเมอิทซึในประเทศไทย

ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาโดยการนำของฟิลิปหัวเรือใหญ่วัย 55 ปีได้ทำให้เมอิทซึ (ประเทศไทย) เติบโตขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันมีทีมงานทั้งสิ้นกว่า 50 คน อยู่ตามแผนกต่าง ๆ ภายใต้โครงสร้างการทำงานที่มีลักษณะครบรูปแบบ (INTEGRATED MARKETING)

แม้ว่าเมอิทซึจะมีสัญชาติญี่ปุ่น แต่บริษัทก็มีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ไม่จำกัดที่ฐานลูกค้าญี่ปุ่นนั่นรวมถึงหน่วยงานราชการไทยที่เป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งเริ่มให้ความสำคัญกับงานโฆษณา ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ได้แก่ กลุ่มฮิตาชิ, ห้างเยาฮัน, ฟิล์มและกล้องถ่ายรูปยี่ห้อโคนิก้า, บริษัท สยาม อินเตอร์เนชั่นแนล, CALBEE TANAWAT และหน่วยงานราชการของไทยอย่าง กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์

สำหรับงานมหกรรมกีฬาฯ ครั้งที่ 2 นี้จัดขึ้นมาเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของ "สมาคมกีฬามวลชนนานาชาติ" (TAFISA) ได้เข้าร่วมเพื่อสาธิตกีฬาและการละเล่นพื้นเมือง รวมทั้งศิลปะป้องกันตัวและการเต้นรำพื้นเมืองของแต่ละชาติ เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกด้วยกัน โดยมุ่งสร้างความเข้าใจอันดีของประเทศที่เข้าร่วมทั้งหมด

จาก 43 ประเทศที่ตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรม ผู้จัดคากว่าเมื่อรวมนักกีฬา เจ้าหน้าที่และผู้ติดตามของแต่ละประเทศแล้ว คงจะมีชาวต่างชาติที่เข้าร่วมแสดงกว่า 1,000 คน

งานนี้จึงนับว่าเป็นงานใหญ่ที่ท้าทายความสามารถของบริษัทอย่างมาก เพราะอย่างที่กล่าวไว้ว่างานนี้เป็นงานใหญ่ชิ้นแรก โดยก่อนหน้านี้งานที่เมอิทซึ (ประเทศไทย) รับทำทั้งงานในประเทศและต่างประเทศนั้น แม้บางงานจะเป็นงานระดับนานาชาติ แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในลักษณะร่วมจัดกิจกรรมพิเศษกับผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นสปอนเซอร์เป็นราย ๆ เท่านั้น ซึ่งคล้ายคลึงกับงานที่รับทำในประเทศ (ดูตารางผลงานและโครงการเด่นของบริษัท)

ผลงานและโครงการเด่นของบริษัท

สำหรับงานครั้งนี้บริษัทได้มีโอกาสเป็นตัวแทนสิทธิประโยชน์และประชาสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่บริษัทจะได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่

แต่ที่ผ่านมาอาจเพราะเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกนี่กระมัง ตลอด 2 เดือนตั้งแต่ได้รับการคัดเลือกมานี้ ข่าวสารรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดงานจึงยังค่อนข้างเงียบ กระทั่งวันเปิดตัวแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2539 การประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่กว้างขวางนัก

ฟิลิปให้เหตุผลว่า "ที่ผ่านมาเป็นช่วงเตรียมงาน" โดยร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการทำการเตรียมงานและติดต่อกับประเทศสมาชิกต่าง ๆ ในการเชิญเข้าร่วมงาน

ส่วน 3 เดือนที่เหลือนั้นบริษัทได้ประสานงานกับทาง บมจ. แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ ในการจัดทำเพลงประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นสื่อชักชวนและกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจและมาร่วมเข้าชม งานนี้จึงมีซุปเปอร์สตาร์ของแกรมมี่ทั้งเซทไม่ว่าจะเป็น มอส ทาทา ยัง เจสัน ยัง รวมทั้ง ลีโอ พุฒ

นอกจากนั้น เมอิทซึยังมีแผนการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ อาทิ ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ป้ายกลางแจ้ง โปสเตอร์ สื่อรถเมล์ สื่อบอลลูน หรือแม้กระทั่งการนำคณะผู้แสดงออกไปสาธิตตามห้างสรรพสินค้าและสนามกีฬาของกรุงเทพมหานคร

โดยการเผยแพร่จะเน้นทั้งในและนอกประเทศ เพราะส่วนหนึ่งของงานก็เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศและหวังดึงให้คนเข้าประเทศให้มากที่สุด งบประมาณที่ใช้จึงค่อนข้างสูงโดยตั้งวงเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท

สำหรับส่วนแบ่งรายได้ทางเมอิทซึเสนอตัวเลขเป็นประกันขั้นต่ำไว้จำนวน 11.21 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น ฟิลิปกล่าวว่า "เป็นตัวเลขที่เขียนให้เป็นไปตามระเบียบของทางการในการเสนอประมูลงาน ซึ่งเชื่อว่างานนี้เป็นงานระดับชาติ ดังนั้นจึงน่าจะมีผู้ให้การสนับสนุนค่อนข้างมาก"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us