"เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จสูงสุด
และเป็นอีกงานหนึ่งที่สร้างความตื่นเต้าอย่างน่าประทับใจของประเทศ"
ฟิลิป ฮิซาชิ ฟูรูซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอิทซึ (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวอย่างมั่นใจ
นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับตัวเขาที่สามารถนำพาบริษัทเสนอตัวเข้าประมูล
"งานมหกรรมกีฬ่า และการละเล่นพื้นเมืองนานาชาติ ครั้งที่ 2" เป็นผลสำเร็จ
และได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่ผู้แทนสิทธิประโยชน์ และประชาสัมพันธ์ของงาน
ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 10-16 ธันวาคม ปีนี้ ณ กรุงเทพมหานคร
"งานนี้ถือเป็นงานแรกที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา" บุญเพิ่ม
อินทนปสาธน์ ผู้จัดการโครงการกล่าวเสริม ดังนั้นการได้เป็นตัวแทนสิทธิประโยชน์และประชาสัมพันธ์งานมหกรรมกีฬา
ฯ ครั้งนี้ ถือเป็นความหวังและโอกาสสร้างชื่อให้กับบริษัทเป็นอย่างมากเพราะเป็นงานระดับนานาชาติ
โดยก่อนหน้าที่จะประกาศผลมีบริษัทที่เข้าร่วมประมูลงานเพื่อทำหน้าที่นี้ถึง
4 บริษัท ซึ่ง ฟิลิปได้กล่าวด้วยความระมัดระวังว่า "เป็นการแข่งขันกันตามปกติมีการประกวดประมูลราคาและแผนประชาสัมพันธ์
และในที่สุดแผนงานของเราก็ได้รับคัดเลือก"
การรุกงานทางด้านกีฬาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของบริษั่ทในช่วง 1-2
ปีมานี่เอง โดยบริษัทได้จัดตั้งแผนก SPORT MARKETING ขึ้นเพื่อมาเสริมธุรกิจหลักที่ทำธุรกิจรับเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบให้กับหน่วยงานต่าง
ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
"เราหันมาเน้นกิจกรรมทางด้านกีฬามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอล
มอเตอร์ไซค์ หรือสนุกเกอร์ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติเช่นในครั้งนี้"
ฟิลิปกล่าว
สาเหตุที่นโยบายบริษัทหันมาให้ความสำคัญทางด้านกีฬามากขึ้นนั้น บุญเพิ่มได้อธิบายเสริมว่าเป็นเพราะ
" บริษัทมองเห็นว่าเรื่องของกีฬาจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าในอดีตงานที่รับทำอยู่ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องกีฬามากนักก็ตาม
แต่คาดว่าต่อไปยอดบิลลิ่งของลูกค้าในธุรกิจที่เคยทำอยู่เดิมก็คงจะหาย ๆ ไป
และเพิ่มยอดบิลลิ่งทางด้านกีฬาแทน "
โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดบิลลิ่ง 120 ล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดบิลลิ่งประมาณ
150 ล้านบาท
สำหรับตัวฟิลิปเองเป็นทั้งผู้ก่อตั้งเมอิทซึ (ประเทศไทย) และพัฒนาบริษัทจนสามารถรับงานใหญ่เช่นนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของเขา
ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในอดีตถึงเรื่องราวของเขาแล้ว หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาอักษรศาสตร์
แห่งมหาวิทยาลัย KEIO ในปี 2520 เขาได้เข้าทำงานครั้งแรกในบริษัท RICHO INC.
หลังจากนั้นจึงผันตัวเองมาสู่ MEITSU BOZEIL INC. ในปี 2526 ตราบกระทั่งปี
2531 ภายใต้นโยบายการแตกสาขากว่า 40 แห่งทั่วโลกของเมอิทซึ ประเทศญี่ปุ่น
ฟิลิปจึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ให้มาปลุกปั้นเมอิทซึในประเทศไทย
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาโดยการนำของฟิลิปหัวเรือใหญ่วัย 55 ปีได้ทำให้เมอิทซึ
(ประเทศไทย) เติบโตขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันมีทีมงานทั้งสิ้นกว่า 50 คน อยู่ตามแผนกต่าง
ๆ ภายใต้โครงสร้างการทำงานที่มีลักษณะครบรูปแบบ (INTEGRATED MARKETING)
แม้ว่าเมอิทซึจะมีสัญชาติญี่ปุ่น แต่บริษัทก็มีกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ไม่จำกัดที่ฐานลูกค้าญี่ปุ่นนั่นรวมถึงหน่วยงานราชการไทยที่เป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งเริ่มให้ความสำคัญกับงานโฆษณา
ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ได้แก่ กลุ่มฮิตาชิ, ห้างเยาฮัน, ฟิล์มและกล้องถ่ายรูปยี่ห้อโคนิก้า,
บริษัท สยาม อินเตอร์เนชั่นแนล, CALBEE TANAWAT และหน่วยงานราชการของไทยอย่าง
กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์
สำหรับงานมหกรรมกีฬาฯ ครั้งที่ 2 นี้จัดขึ้นมาเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกของ
"สมาคมกีฬามวลชนนานาชาติ" (TAFISA) ได้เข้าร่วมเพื่อสาธิตกีฬาและการละเล่นพื้นเมือง
รวมทั้งศิลปะป้องกันตัวและการเต้นรำพื้นเมืองของแต่ละชาติ เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกด้วยกัน
โดยมุ่งสร้างความเข้าใจอันดีของประเทศที่เข้าร่วมทั้งหมด
จาก 43 ประเทศที่ตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรม ผู้จัดคากว่าเมื่อรวมนักกีฬา
เจ้าหน้าที่และผู้ติดตามของแต่ละประเทศแล้ว คงจะมีชาวต่างชาติที่เข้าร่วมแสดงกว่า
1,000 คน
งานนี้จึงนับว่าเป็นงานใหญ่ที่ท้าทายความสามารถของบริษัทอย่างมาก เพราะอย่างที่กล่าวไว้ว่างานนี้เป็นงานใหญ่ชิ้นแรก
โดยก่อนหน้านี้งานที่เมอิทซึ (ประเทศไทย) รับทำทั้งงานในประเทศและต่างประเทศนั้น
แม้บางงานจะเป็นงานระดับนานาชาติ แต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในลักษณะร่วมจัดกิจกรรมพิเศษกับผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นสปอนเซอร์เป็นราย
ๆ เท่านั้น ซึ่งคล้ายคลึงกับงานที่รับทำในประเทศ (ดูตารางผลงานและโครงการเด่นของบริษัท)
ผลงานและโครงการเด่นของบริษัท
สำหรับงานครั้งนี้บริษัทได้มีโอกาสเป็นตัวแทนสิทธิประโยชน์และประชาสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียว
จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่บริษัทจะได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
แต่ที่ผ่านมาอาจเพราะเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกนี่กระมัง ตลอด 2 เดือนตั้งแต่ได้รับการคัดเลือกมานี้
ข่าวสารรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดงานจึงยังค่อนข้างเงียบ กระทั่งวันเปิดตัวแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
5 กันยายน 2539 การประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่กว้างขวางนัก
ฟิลิปให้เหตุผลว่า "ที่ผ่านมาเป็นช่วงเตรียมงาน" โดยร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการทำการเตรียมงานและติดต่อกับประเทศสมาชิกต่าง
ๆ ในการเชิญเข้าร่วมงาน
ส่วน 3 เดือนที่เหลือนั้นบริษัทได้ประสานงานกับทาง บมจ. แกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์
ในการจัดทำเพลงประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นสื่อชักชวนและกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจและมาร่วมเข้าชม
งานนี้จึงมีซุปเปอร์สตาร์ของแกรมมี่ทั้งเซทไม่ว่าจะเป็น มอส ทาทา ยัง เจสัน
ยัง รวมทั้ง ลีโอ พุฒ
นอกจากนั้น เมอิทซึยังมีแผนการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ อาทิ ทีวี
วิทยุ หนังสือพิมพ์ ป้ายกลางแจ้ง โปสเตอร์ สื่อรถเมล์ สื่อบอลลูน หรือแม้กระทั่งการนำคณะผู้แสดงออกไปสาธิตตามห้างสรรพสินค้าและสนามกีฬาของกรุงเทพมหานคร
โดยการเผยแพร่จะเน้นทั้งในและนอกประเทศ เพราะส่วนหนึ่งของงานก็เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศและหวังดึงให้คนเข้าประเทศให้มากที่สุด
งบประมาณที่ใช้จึงค่อนข้างสูงโดยตั้งวงเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
สำหรับส่วนแบ่งรายได้ทางเมอิทซึเสนอตัวเลขเป็นประกันขั้นต่ำไว้จำนวน 11.21
ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น ฟิลิปกล่าวว่า "เป็นตัวเลขที่เขียนให้เป็นไปตามระเบียบของทางการในการเสนอประมูลงาน
ซึ่งเชื่อว่างานนี้เป็นงานระดับชาติ ดังนั้นจึงน่าจะมีผู้ให้การสนับสนุนค่อนข้างมาก"