|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทนง"ไม่ขัด"กรุงศรีฯ"ควบรวม"จีอี" หากทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายละเอียดจากจีอีก่อน ด้านแบงก์กรุงศรีฯแจงความคืบหน้ารอจีอีเสนอขอผ่อนผันการถือหุ้นเกินเกณฑ์กับแบงก์ชาติเอง เชื่อเป็นความร่วมมือที่ดีและช่วยหนุนในด้านธุรกิจรายย่อยให้กับธนาคารด้วย
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะอดีตนายธนาคารว่า มีความพร้อมสนับสนุนการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ เพราะจะทำให้ธนาคารมีฐานะที่แข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนกรณีที่ กลุ่มบริษัท จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิค เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนธนาคารกรุงศรีอยุธยาถึง 25%นั้น ยังไม่มีการส่งรายละเอียดว่าจะเข้ามาว่าจะเป็นพันธมิตรร่วมทุน หรือการควบกิจการระหว่างธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย ซึ่งต้องรอให้ทางกลุ่มจีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิคได้ยื่นเสนอรายละเอียดต่อธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.)ก่อน หลังจากนั้น ธปท.จึงจะได้ส่งเรื่องเพื่อเสนอให้ กระทรวงการคลังเห็นชอบในแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
“หากควบรวมแล้วทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ประสิทธิภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องดี หากสามารถรวมกันได้จริงก็รู้สึกดีใจ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเขา ผมยังไม่รู้ว่าจีอีเขาจะเสนอมาอย่างไร ต้องรอให้มีความชัดเจนก่อน” นายทนงกล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้ให้ความเห็นว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะขยายเพดานการถือหุ้นของต่างชาติในธนาคารพาณิชย์ เกินกรอบที่กำหนดไว้ที่ 25% หรือไม่
นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้ามาถือหุ้นในธนาคารของบริษัท จีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานและหารือร่วมกันระหว่างธนาคารกับบริษัทจีอี ซึ่งในการเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ คณะกรรมการของธนาคารได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบแล้วว่าการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆจะต้องส่งผลดีกับธนาคาร
ทั้งนี้ ในการทำงานนั้นจะต้องมีการหารือร่วมกันทั้งในขั้นตอนการดำเนินการและสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทจีอี ซึ่งสัดส่วนที่ให้ต่างชาติถือหุ้นของธนาคารได้ในสัดส่วน 49 % ตามเกณฑ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)นั้น หากทางจีอีจะขอมาถือหุ้นในธนาคารเพียงรายเดียว 25 % ก็จะทำให้สัดส่วนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% ซึ่งในเรื่องดังกล่าวทางจีอี เสนอเรื่องขอธปท.พิจารณาเป็นกรณีพิเศษ ขณะที่ธนาคารหารือกับทางการในเรื่องการเลือกสถานะหลังการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นลงตัวแล้ว
"ความร่วมมือดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินไทยมีความแข็งแกร่ง ทำให้ต่างประเทศอยากเข้ามาถือหุ้นด้วย ซึ่งการหารือก็อยากจะให้จบโดยเร็วแต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางการ"นางชาลอต กล่าว
นางชาลอตกล่าวอีกว่า การเข้ามาถือหุ้นในธนาคารของบริษัท จีอีน่าจะส่งผลดีต่อธนาคารทำให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากจีอีมีเทคโนโลยีที่ดี มีความชำนาญในการทำธุรกิจรายย่อย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารที่ต้องการเป็นธนาคารครบวงจร เชื่อว่าหากทางการอนุมัติให้จีอีเข้ามาถือหุ้นจะส่งผลดีกับความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร และแสดงให้เห็นถึงธุรกิจธนาคารในไทยที่ต่างชาติอยากเข้ามาร่วมทุน ส่วนปัจจัยการเมืองก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาต่อการตกลงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของแนวทางการดำเนินธุรกิจและโครงสร้างธนาคารภายหลังการเข้ามาถือหุ้นของจีอีนั้น ธนาคารก็ยังดำเนินธุรกิจเช่นเดิม โดยก็ยังคงเป้าหมายการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่การที่มีพันธมิตรหรือผู้ร่วมทุนต่างชาติเข้ามาช่วยเสริม ก็ย่อมทำให้สามารถเติบโตได้ในระยะเวลาที่สั้นลง
สำหรับในส่วนของทางการนั้น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทางการ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการปฏิเสธในการเข้ามาร่วมทุนดังกล่าว ส่วนธปท.ก็ได้ขอให้มีความชัดเจนในเรื่องการเข้าถือหุ้นและสถานะของธนาคาร
ด้านนายจีน มอนทีซาโน ผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์-เอเชีย จีอี คอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์ กล่าวว่า ตามที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น จีอีขอเรียนให้ทราบว่าเราได้สิทธิในการเจรจาแต่เพียงผู้เดียวถึงแนวโน้มของการลงทุนเชิงกลยุทธกับธนาคารดังกล่าว แต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น และทั้งสองฝ่ายยังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเราจะปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงต่างๆ จะเป็นไปตามประกาศและระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย เราหวังว่าจะสามารถให้ข้อมูลที่สมบูรณ์แก่ท่านได้เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
|
|
|
|
|