ธอส.รอจังหวะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.25% ภายในเดือนมิ.ย.นี้ หากกนง.ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอาร์/พี 14 วันอีกครั้ง ส่งผลให้ดอกเบี้ยMRR ของธอส.แตะระดับ 8% ชี้ลูกค้าวงเงินกู้เกินล้านบาทเริ่มลดความเสี่ยงใช้ดอกเบี้ยคงที่ 5-10 ปี ปฏิเสธออกโปรดักต์คงที่ 20 ปีไม่คุ้ม ขณะที่ยอดข้าราชการกู้โครงการธอส-กบข.เริ่มแผ่ว คนกู้กว่า 40,000 รายโครงการบ้านเอื้ออาทรเริ่มผ่อนสูงขึ้น
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายนนี้ ธอส.มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.25% หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์/พี 14 วัน ปัจจุบันอยู่ที่ 4.75% ) ซึ่งเป็นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ธอส.ก็คงจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นตาม แต่จะคอยดูภาวะตลาดว่าธนาคารใดจะเป็นผู้นำในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้ ซึ่งหาก ธอส.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพียง0.25 %จะทำให้อัตราดอกเบี้ยMRRปรับเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน 7.75% เป็น 8%
ทั้งนี้ ผลจากที่แนวโน้มดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น พบว่า มีลูกค้าที่มีวงเงินกู้มากกว่า 1 ล้านบาท กู้เงินแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะ 5-10 ปีมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ผู้กู้จึงนิยมอัตราดอกเบี้ยคงที่เพื่อบริหารต้นทุนให้ต่ำลง อย่างไรก็ตาม ธอส.คงไม่สนใจที่จะกำหนดสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 20 ปี เนื่องจากเป็นระยะเวลานานเกินไป และอาจทำให้ทั้งลูกค้าและธนาคารมีความเสี่ยงมากขึ้น หากกำหนดสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับที่แพงมาก โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 3 ปีของ ธอส.เริ่มที่ 6.50% สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธอส. ประเภทแบบออมทรัพย์พิเศษต่ำกว่า 5 ล้านบาทและตั้งแต่ 20 ล้านบาท จะอยู่ที่ 3% ส่วนเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน ลดลงจาก 5% ลงมาเหลือ 4.50% เนื่องจากมีปริมาณเงินฝากไหลเข้าจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กก.ผจก.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จนถึงกลางปีนี้ น่าจะปรับขึ้นอีก 1-2 ครั้งหรือปรับขึ้น 0.25-0.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ย MLR น่าจะอยู่ในระดับ 8.0-8.5% จากปัจจุบันที่อยู่7.5%
ส่วนยอดการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้า ธอส. นายขรรค์ กล่าวว่า เดือนเมษายนมีลูกค้าผิดนัดชำระมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม ซึ่งถือว่าไม่ผิดปกติ เพราะจะเกิดขึ้นในทุก ๆ ปี อย่างไรก็ตาม หากลูกค้ารายใดมีปัญหาเรื่องการชำระเงิน ขอให้มาเจรจาผ่อนปรนกับธนาคารได้ อย่าผิดนัดชำระเป็นปี เพราะธนาคารจะต้องเอาบ้านออกมาขายทอดตลาด
อย่างไรก็ตาม ผลจากการเร่งขยายสินเชื่ออย่างเต็มที่ และด้วยนโยบายการตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งส่วนทางกับการเสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง ได้สร้างแรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากที่แคบลง(สเปรด) โดยผลกระทบดังกล่าวได้สะท้อนผ่านมายังผลประกอบการ เห็นได้จากในไตรมาสแรกปี 2549 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 880 ล้านบาท ลดลง 538 ล้านบาท หรือ 38 %เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้ขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยปล่อยสินเชื่อไป 29,972 ล้านบาท คิดเป็น 47,354 ราย จากเป้าหมายสินเชื่อทั้งปี 2549 จำนวน 115,000 ล้านบาท
" ที่ผ่านมากำไรของธนาคารลดลง ทำให้ต้องตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ คาดว่าจะทำให้ธนาคารสามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าธนาคารไม่ได้มุ่งเน้นที่จะสร้างกำไรสูงสุด เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต้องแข่งขันด้วย
เหตุผล 2 ประการ คือ ปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยเดือนละกว่า 10,000 ล้านบาท และไม่ต้องการให้ถอนเงินไปฝากธนาคารอื่น ซึ่งมีการแข่งขันปรับดอกเบี้ย และยอมรับขณะนี้ภาวะการแข่งขันในตลาดเงินนั้นมีสูง เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น" นายขรรค์กล่าวก่อนหน้านี้
ขรก.ชะลอกู้โครงการบ้านธอส.กบข.
ในส่วนของโครงการบ้านธอส.-กบข.เป็นอีกโครงการ ที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ได้ส่งผลให้ข้าราชการที่เตรียมตัวจะขอกู้ผ่านโครงการบ้านธอส.-กบข. ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตาม เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคลดลง และทำให้ภาระหนี้เงินกู้ของข้าราชการสูงขึ้นตาม
" ต้องยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูง ส่งผลให้ข้าราชการที่เตรียมที่จะกู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจตาม เพราะค่าครองชีพขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย หรือการกู้ยืมเงิน" ข้าราชการรายหนึ่งให้ความเห็น
ทั้งนี้ ในปี 2548 โครงการบ้าน ธอส.-กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 3 มีสมาชิกยื่นกู้ทั้งหมด 46,023 ราย มีวงเงินยื่นกู้ 36,239 ล้านบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยโครงการบ้าน ธอส.-กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ขณะนี้ธอส.ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3 ปีแรกเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของลูกค้าที่มีเงินกู้รวมไม่เกิน 1 ล้านบาท ในช่วง 1 - 3 ปีแรกจะคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 6.25% ตั้งแต่ปีที่ 4 คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยMRR ลบ 2.25% ต่อปี ซึ่งปัจจุบัน(ที่เป็นอัตราก่อนที่จะปรับในเดือนมิ.ย.นี้) อัตราดอกเบี้ยMRR ของ ธอส.อยู่ที่ 7.75%
สำหรับลูกค้าที่มีเงินกู้รวมเกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3 ปีแรก ในส่วนของปีที่ 1 อยู่ที่ 6.25% ปีที่ 2 อยู่ที่ 6.75% และปีที่ 3 อยู่ที่ 7.25% และตั้งแต่ปีที่ 4 เท่ากับอัตราดอกเบี้ยMRR ลบ 2.25% ต่อปี
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในโครงการดังกล่าวนั้น ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สมาชิกกบข.และข้าราชการที่ไม่ใช่สมาชิกกบข. แต่จะต้องอยู่ในสังกัดเดียวกันกับสมาชิก กบข. สำหรับวงเงินการให้สินเชื่อทางธนาคารกำหนดสูงสุดไว้ที่ไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หรือที่ไม่เกิน 65 เท่าของเงินเดือน ส่วนระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี
คนผ่อนบ้านเอื้ออาทรระส่ำ
ในด้านโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เริ่มประสบปัญหาในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน และแม้ว่าธอส.กับผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ(กคช.)จะมีการหารือเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนกู้ซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยทางธอส.จะยังคงยืนอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านเอื้ออาทรเดิมไปจนถึง ณ สิ้นเดือนกันยายนเท่านั้น หลังจากนั้น จะเริ่มเข้าสู่ระดับของอัตราดอกเบี้ยใหม่ตามทิศทางของตลาด ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น คิดตามอัตราที่ปรับขึ้นล่าสุดเมื่อปลายเดือนเมษายน 49 คือ 1 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 5.5%,ปีที่ 2 ดอกเบี้ย 6% ,ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 6.5% และปีที่ 4 เป็นต้นไป ธอส.คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.5% ทั้งนี้คาดว่า ลูกบ้านโครงการเอื้ออาทรสำหรับผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศของการเคหะฯในปี 2549 กว่า 40,000 ราย ที่เพิ่งได้รับอนุมัติสินเชื่อรายย่อยจากธอส.และธนาคารออมสิน ต้องแบกภาระค่าผ่อนชำระค่าบ้านต่องวดเพิ่มขึ้น
|