|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้น "โรงพิมพ์ตะวันออก" คึกคัก หลังได้กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เป็นวันแรก ราคาปิดพุ่ง 395% ผู้บริหารชี้ราคาน่าจะแรงกว่านี้ ถ้าเข้ามาซื้อขายในจังหวะที่ภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย พร้อมระบุหุ้น "เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์" ราคาปรับตัวลดลง เป็นไปตามสภาพตลาดหุ้นโดยรวมที่ไม่ดี
วานนี้ (18พ.ค.) หุ้นบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ได้ออกจากหมวดแก้ไขการดำเนินงาน (Rehabco) กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เป็นวันแรก โดยราคาเปิดอยู่ที่ระดับ 1.05 บาท ซึ่งได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงสุด 1.18 บาท ก่อนจะมีแรงขายทำกำไรกดดันราคาหุ้นอ่อนตัวลงไปปิดที่ระดับ 0.99 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาปิดครั้งก่อน 0.79 บาท หรือคิดเป็น 395% มูลค่าการซื้อขาย 545.70 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SPACK ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก ราคาเปิดอยู่ที่ระดับ 2.90 บาท โดยช่วงแรกมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสั้นทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาสูงสุดที่ 2.98 บาท ต่อมาได้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงและมาปิดที่ 2.60 บาท ลดลง 0.34 บาท หรือ 11.56% มูลค่าการซื้อขาย 83.95 ล้านบาท
ส่วนภาวะตลาดหุ้นโดยรวมดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ 748.30 จุด ลดลง 14.06 จุด หรือ 1.84% มูลค่าการซื้อขาย 20,021.06 ล้านบาท
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ถ้าหุ้นเข้ามาซื้อขายในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย เชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงกว่านี้ เพราะพิจารณาจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หลายแห่งจะประเมินว่าราคาหุ้นจะอยู่ในระดับ 0.80-2.00 บาท
ทั้งนี้ ในระดับราคาปัจจุบันถือว่ามีค่าพี/อี เรโชอยู่ที่ 11 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์นั้นจะมีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 20 เท่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ราคาหุ้นก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก นอกจากนี้ บริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพที่ดี โดยมีแผนงานที่จะขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%
ส่วนกรณีหุ้นบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก และราคาหุ้นปรับตัวลดลงนั้น เป็นการปรับตัวลดตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งในระดับราคาปัจจุบันประมาณ 2.74 บาทนั้น จะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 6 เท่า ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่มีค่าพี/อี เรโชประมาณ 10 เท่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้อีก ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัดได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก ซึ่งประเมินราคาที่เหมาะสมที่หุ้นละ 1.60-1.90 บาท โดยอิงกับค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 20 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดก่อนการขึ้นเครื่องหมายเอสพี หรือ SP ที่หุ้นละ 0.05 บาททำให้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นอีกมาก ประกอบกับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยังไปได้ดี ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อ
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยบล.ซิกโก้ได้ประมาณการรายได้รวมของบริษัทโรงพิมพ์ตะวันออกในปี 2549-2550 จะอยู่ในระดับ 693 ล้านบาทและ 770 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปีอยู่ที่ระดับ 10% และ 11% ตามลำดับ จากการรับงานของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายฐานลุกค้าใหม่ภายหลังที่มีการขยายกำลังการผลิตในปีก่อน เช่น งานพิมพ์นิตยสารจากทางอาร์เอส พับลิชชิ่ง 3 หัว และทีวีบูรพา 1 หัว งานพิมพ์แบเรียนจากทางองค์การยูนิเซฟ และงานพิมพ์แคตตาล็อกจากลูกค้าญี่ปุ่นมูลค่า 30 ล้านบาท ต่อปี คาดว่าจะเริ่มรับงานได้ปลายปี 2549
นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อยภายหลังการรับงานพิมพ์นิตยสารและแคตตาล็อก ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำมากขึ้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัย บล.ซิกโก้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2549และ 2550 ที่ 121 ล้านบาทและ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และ 11% ตามลำดับ และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.044 บาทต่อหุ้น รวมทั้งบริษัทยังได้มีการรุกขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยผ่านทางพันธมิตรธุรกิจทั้งผู้ถือหุ้นและที่เกี่ยวข้อง เช่น การขยายงานพิมพ์
สำหรับบรรจุหีบห่อผ่านบริษัทเอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์,การขยายงานแคตาล็อกเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านบริษัทเครสเทค(ประเทศไทย) รวมถึงยังได้ทำการขยายตลาดงานแคตตาล็อกไปยังลูกค้าประเทศญี่ปุ่นผ่าน ASIA SPECIAL SITUATIONS Holding
ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมในปีนี้ คาดว่าภาวะอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ภายในประเทศยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งก็มีการแข่งขันที่มากขึ้นทั้งด้านราคา คุณภาพ รวมไปถึงต้นทุนดำเนินงานในภาวะที่ค่าวัตถุดิบและเชื้อเพลิงอยู่ในระดับสูง โดยมองว่าโอกาสและข้อได้เปรียบของบริษัทในฐานะที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูง ทั้งยังได้ทำการขยายกำลังการผลิตจากการซื้อเครื่องจักรเข้ามาจำนวน 2 เครื่องในปีก่อน จะทำให้มีกำลังการผลิตเพียงพอเพื่อมารองรับกับปริมาณงานที่สูงขึ้นจากทั้งฐานลูกค้าเพิมและลูกค้าใหม่
|
|
|
|
|