|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โอเรียนทอล พริ๊นเซสสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ เผยไตรมาสแรกโตสูงกว่าเป้า13% ชูกลยุทธ์การตลาด 4 ด้านรับมือยุคน้ำมันแพง งบลงทุนปีนี้กว่า 100 ล้านบาท ล่าสุดอัดงบตลาด 52 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญใหม่พร้อมทำตลาดแบบครบวงจร ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีโต10% ชี้คนกำลังเห่อแบรนด์เกาหลีแต่หากกระแสเบาลงตลาดจะแข่งที่คุณภาพและกลยุทธ์การตลาด
นางสาวพาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอเรียนทอล พริ๊นเซส เปิดเผยว่า ยอดรายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่า มีรายได้เกินกว่าเป้าถึง 13% หรือคิดเป็นมูลค่า 296 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะการที่บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และทยอยเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้า รวมถึงทยอยปรับปรุงสาขาของผู้บริโภคมากนัก
ส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคน้ำมันแพงจะมีการซื้อสินค้าเครื่องสำอางตามอารมณ์มากกว่า รวมถึงมีการใช้จ่ายที่ประหยัดมากขึ้น ตรงนี้มองว่าเป็นโอกาสของบริษัทฯ เพราะสินค้ามีราคาไม่แพงและมีหลายกลุ่มให้เลือก มีแผนตั้งรับด้วยการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องและใช้กลยุทธ์เรื่องราคาเป็นตัวกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า โดยในส่วนค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคของโอเรียนทอลฯในปัจจุบันมีการใช้จ่ายต่อบิล 880 บาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 830 บาท
ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นทั้งในส่วนของเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างที่มีแบรนด์ใหม่เข้ามามากจึงเกิดการแย่งลูกค้าซึ่งมีจำนวนจำกัดมากขึ้น ดังนั้นการแข่งขันจึงต้องขึ้นกับกลยุทธ์การตลาดของแต่ละบริษัท ในส่วนของตลาดสเปเชียลลี่ สโตร์ที่เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติในปัจจุบันโอเรียนทอลฯเป็นผู้นำตลาดอยู่ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด55% จากรวม 1,900 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะโตขึ้น 20%
โดยการแข่งขันในตลาดนี้พบว่ามีคู่แข่งมาก อาทิ แบรนด์เกาหลี2-3 แบรนด์ที่ชูคอนเซ็ปต์สารสกัดจากธรรมชาติเหมือนของบริษัทฯ อีกทั้งการที่คนเห่อกระแสเกาหลีส่งผลให้แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีได้รับความนิยม แต่เชื่อว่าในอนาคตหากกระแสเกาหลีเบาบางลง ผู้บริโภคจะหันมาดูที่เรื่องคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
ส่วนทิศทางดำเนินธุรกิจของโอเรียนทอล พริ๊นเซสในปีนี้จะใช้ 4 กลยุทธ์ ประกอบด้วย
1.การขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีสาขารวม 192 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบร้านค้า 156 สาขา และจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 36 สาขา ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 18 สาขา ภายใต้งบลงทุน 40 ล้านบาท รวมสิ้นปีมีสาขาทั้งหมด 200 สาขาครอบคลุม 72 จังหวัด รวมถึงบริษัทฯมีแผนปรับปรุงสาขาเดิมให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ในคอนเซ็ปต์ความเป็นธรรมชาติผสมความเป็นตะวันออก ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท ซึ่งสาขาแรกที่จะทำเป็นต้นแบบ คือ ที่สยามสแควร์ คาดว่าจะได้เห็นไม่เกินเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะทยอยปรับปรุงสาขาอื่นให้ครบ
2.การออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 103 รายการ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 12 เอสเคยู , ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายและเส้นผม 11 อสเคยู และเครื่องสำอางบำรุงผิว 63 เอสเคยู และกลุ่มไลฟ์สไตล์ เช่น น้ำหอม 18 เอสเคยู
3. การเน้นระบบสมาชิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีฐานสมาชิกอยู่ 212,000 คน คิดเป็นสมาชิกที่มาซื้อสินค้าต่อเนื่อง(แอคทีฟ) 70% ปีนี้ตั้งเป้าสมาชิกใหม่เพิ่มอีก 90,000 คน
และ 4. การสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ด้วยการทำการตลาดผ่านสื่อโฆษณา ภายใต้งบการตลาด 12%ของยอดรายได้
ล่าสุดบริษัทฯใช้งบประมาณ 52 ล้านบาทในการทำตลาดแบบครบวงจรในช่วงไตรมาสสองนี้ อาทิ การเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ 3 ตอน ภายใต้แนวคิด “Keep Beautiful-ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ความยาว 30 วินาที เริ่มออกอากาศวันที่ 18 พ.ค. 49 นอกจากนี้จะมีโรดโชว์,แจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับบัตรเครดิต เป็นต้น
|
|
|
|
|