"โนเบิล" โตสวนกระแสหลังส่งคอนโดมิเนียม "โนเบิล รีมิกซ์" ทำตลาดยอดขายวันเดียว 1,023 ล้านบาท เตรียมเปิดขายอีกรอบในวันอาทิตย์นี้ หากปิดการขายได้พร้อมประกาศปรับเป้ายอดขายทั้งปีใหม่ สิ้นปีเปิดเพิ่มอีก 1 โครงการระบุสินค้าพร้อมขายในมือ 7,410 ล้านบาท

นายธงชัย บุศราพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้าหมายการดำเนินงานใหม่ จากเดิมตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 2,700 ล้านบาท เป็นยอดรับรู้รายได้ 2,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะปรับในส่วนของเป้ายอดขาย เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายคอนโดมิเนียมในโครงการ โนเบิล รีมิกซ์ ปากซอยทองหล่อ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ

ทั้งนี้ การขายดังกล่าวเป็นการนำสินค้าออกมาทดสอบตลาดในวันศุกร์ที่ 11 พฤภาคมที่ผ่านมา โดยได้โทรศัพท์แจ้งไปยังลูกค้าเก่าเท่านั้น แต่ปรากฎว่ามียอดขายดีเกินคาด จำนวน 260 ยูนิต มูลค่า 1,023 ล้านบาท จากจำนวนทั้งหมด 504 ยูนิต อย่างไรก็ตาม จากแผนเดิมจะเปิดพรีเซลล์ในเดือนกรกฎาคม และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีเพียง 750 ล้านบาท

สำหรับโครงการ โนเบิล รีมิกซ์ เป็นการพัฒนาแบบผสมผสาน ทั้ง อาคารสำนักงาน รีแทล และคอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 5 ไร่ ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัทได้ซื้อมากว่า 3 ปี แล้ว ในส่วนของรีแทล สูง 4 ชั้น พื้นที่รวม 9,000 ตร.ม. ส่วนชั้นที่ 5-33 เป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 504 ยูนิต พื้นที่รวม 29,419 ตร.ม. มูลค่า 2,450 ล้านบาท และอาคารสำนักงานสูง 11 พื้นที่รวม 6,000 ตร.ม. ซึ่งบริษัทจะทำทางเชื่อมระหว่างโครงการกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่บริเวณชั้น 2 ของตัวอาคาร โดยจะเริ่มโครงการในเดือนมิถุนายนนี้และจะแล้วเสร็จในปี 2551

ในส่วนของคอนโดมิเนียม ราคาขายประมาณ 78,000 - 82,000 บาท/ตร.ม. หรือราคาขายเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท ถึงห้องเพนเฮาส์ราคา 47 ล้านบาท ซึ่งมี 1 ยูนิต สำหรับห้องชุดมีให้เลือก 4 แบบ 1.สตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 36-44 ตร.ม. 2. ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 41-62 ตร.ม. 3.ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 77-96 ตร.ม. และขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ 101-183 ตร.ม. ส่วนห้องเพนเฮาส์ขนาด 418 ตร.ม. มี 3 ห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว

ส่วนพื้นที่รีแทล จำนวน 9,000 ตร.ม. นั้นจะขายในราคาตร.ม.ละ 1.5 แสนบาท หากคิดเป็นราคาเช่าคิด ตร.มละ 1,500 บาท/เดือน ส่วนอาคารสำนักงานค่าเช่า 700 บาท/ตร.ม./เดือน สำหรับในพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนนี้บริษัทจะเปิดขายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า อีกทั้งบริษัทจะทำการบริหารพื้นที่เองทั้งหมด เนื่องจากมีประสบการณ์จากโครงการเพลย์กราวน์ ทองหล่อมาแล้ว

นายธงชัยกล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะมีการชะลอตัว จากปัจจัยลบหลายประการ แต่จากยอดจองโครงการโนเบิล รีมิกซ์ ที่มียอดจองสูงถืง 1,023 ล้านบาท ภายในวันเดียว ทำให้เชื่อว่าความต้องการคอนโดมิเนียมยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หากตั้งอยู่ในทำเลที่ดี อีกทั้งราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นยูนิตขนาดเล็กทำให้สามารถขายได้ง่าย

"เรายังมีลูกค้าที่มาลงชื่อเพื่อซื้อโครงการจำนวนมาก แต่จะเปิดให้รับใบจองในเวลาเที่ยงคืนวันเสาร์ที่ 20 พ.ค. และมาจองในวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ค. ซึ่งเรามีจำนวนสินค้าเหลืออยู่ 244 ยูนิต มูลค่า 1,427 ล้านบาท ซึ่งหากจองหมดภายในวันเดียว ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็ต้องมารอลุ้นอีกที" นายธงชัยกล่าว

สำหรับลูกค้าที่มาซื้อจะมีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุนให้เช่า สัดส่วนประมาณ 50:50 โดยจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 7-8% ต่อปี อย่างไรเพื่อเป็นการป้องกันการซื้อเพื่อเก็งกำไร บริษัทได้ตั้งกฎห้ามเปลี่ยนมือซื้อ-ขายใบจองคอนโดฯ และให้ผ่อนดาวน์สูงถึง 30% เป็นเวลา 30 เดือน

ในส่วนของแผนการลงทุน จากเดิม 4 โครงการ เพิ่มเป็น 5 โครงการ โดยในช่วงไตรมาสแรก เปิดคอนโดมิเนียมไปแล้ว 2 โครงการ คือโนเบิลแอมเบียน รวมฤดีและสารสิน ขณะนี้ทั้งสองโครงการมียอดขายแล้ว 25% โครงการโนเบิล รีมิกซ์ และในช่วงปลายจะพัฒนาคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการมูลค่า 1,500 - 2,000 ล้านบาท บนถนนสุขุมวิท ส่วนโครงการจีโอวัชระพล เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 70 ยูนิต ราคา 4-7 ล้านบาท จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,400 ล้านบาท (ไม่รวมโนเบิล รีมิกซ์) นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินอีก 2 แปลง ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการแนวราบในปี 2550

ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่เปิดขายในปัจจุบัน 15 โครงการ จำนวน 1,219 ยูนิต มูลค่า 7,410 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการจำนวน 322 ยูนิต มูลค่า 2,960 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 879 ยูนิต มูค่า 4,451 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ในมือขณะนี้ จำนวน 1,823 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดฯ 1,517 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 306 ล้านบาท