Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 พฤษภาคม 2549
สปอนเซอร์หนังมีสิทธิ์เดี้ยง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ จำกัด

   
search resources

Films
จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ, บจก.




เผยสินค้าที่ชูกลยุทธ์มูฟวี่มาร์เกตติ้ง ต้องคิดให้หนัก หวั่นได้ไม่คุ้มเสีย ยิ่งกรณีเป็นสปอนเซอร์หรือแม้แต่ไทอิน เสี่ยงต่อภาพลักษณ์ติดลบ หากหนังมีปัญหาหรือถูกต่อต้าน กรณีล่าสุด เรื่อง “หมากเตะโลกตะลึง” ส่งผลกระทบต่อ จีทีเอช รายได้ทั้งปีพลาดเป้าแน่นอน เร่งแก้เกมดันรายได้เรื่องอื่นมาทดแทน ชี้มีข่าวแบงก์กรุงศรีอยุธยาเตรียมถอดสปอนเซอร์ออกก่อนหน้านี้ ด้านบีบีทีวีลุยเรื่องแรกร่วมกับจีทีเอชก็เจอดีแต่เรื่องที่สองยังไม่เปลี่ยนแปลง

แหล่งข่าวจากวงการมีเดีย กล่าวว่า จากกรณีปัญหาล่าสุดของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หมากเตะ โลกตะลึง” ของค่ายจีทีเอช รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง ดาวินชีโค้ดรหัสลับระทึกโลก ซึ่งเป็นหนังฮอลลีวู้ดที่เผชิญกับปัญหาการต่อต้านในขณะนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อตัวจีทีเอชผู้สร้างเองแล้วก็ยังอาจจะส่งผลกระเทือนต่อ บรรดาสปอนเซอร์ด้วย หากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขในทางที่ดีขึ้น

บรรดาสปอนเซอร์ที่เข้ามาร่วมด้วยในหนังเรื่องนี้มีหลายราย และหนึ่งในนั้นก็คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่หันมารุกหนักทางด้านสปอนเซอร์ธุรกิจบันเทิงมากขึ้น ซึ่งแม้แต่บางฉากในหนังเรื่องนี้ก็ยังฉายภาพโลโก้แบงก์กรุงศรีฯอย่างชัดเจน เพื่อหวังที่จะขยายฐานลูกค้าและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ด้วย

อีกทั้งยังมีกระแสข่าวก่อนหน้าที่หนังเรื่องนี้จะยุติการฉายด้วยว่า ทางแบงก์กรุงศรีอยุธยา เตรียมี่จะทำการทบทวนใหม่ เช่น อาจจะถอนการเป็นสปอนเซอร์ หรือไม่ก็เตรียมที่จะตัดภาพทุกภาพในหนังที่มีโลโก้หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับแบงก์ฯออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบงก์เองด้วย จากกระแสต่อต้านหนังเรื่องนี้

จะสังเกตได้ว่าช่วงหลังนี้แบงก์กรุงศรีฯหันมารุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบันเทิงมากขึ้น เช่น การเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์ให้กับไอแมกซ์ โรงภาพยนตร์สามมิติที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนชื่อว่า กรุงศรีไอแมกซ์

ส่วนทางด้านบริษัท บีบีทีวี โปรดักชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนสร้างหนังเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในภาวะที่ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่บีบีทีวีขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์ด้วย และคงจะส่งผลกระทบต่อรายได้รวมในปีนี้ด้วย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายก็ได้ลงทุนร่วมสร้างไปแล้ว

นอกจากนี้ก็ยังมีหนังเรื่อง “เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” ที่บีบีทีวีฯร่วมทุนกับจีทีเอชเป็นเรื่องที่สอง ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมฉาย

อนึ่งบีบีทีวีฯเป็นบริษัทในเครือของช่อง 7 ซึ่งก็อยู่ในกลุ่มก้อนธุรกิจเดียวกับแบงก์กรุงศรีอยุธยาเช่นกัน

นายวิทวัส ชัยปาณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซ จีวัน จำกัด และอุปนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า กลยุทธ์มูฟวี่มาร์เกตติ้งถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ผู้ประกอบการและเจ้าของสินค้าของไทยเริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นในการทำตลาด จากเดิมที่ก่อนหน้านี้จะมุ่งเน้นทางด้านกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เกตติ้งเป็นหลักมากกว่า

การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะมีหลายรูปแบบ เช่น การไทอินสินค้าในหนัง (การนำเอาสินค้าเข้าไปประกอบฉากในหนัง), การเป็นสปอนเซอร์ในแง่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนทางด้านการถ่ายทำ การเข้าร่วมลงทุนด้วย เป็นต้น ซึ่งการทำแบบนี้ต้องยอมรับว่า มีทั้งผลดีและผลเสีย ซึ่งทางเจ้าของสินค้าต้องพิจารณาให้ออกว่า จะมีความเหมาะสมหรือไม่ กับหนังในแต่ละเรื่องเพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี

“การที่เจ้าของสินค้าจะควักเงินก้อนหนึ่งไปร่วมเป็นสปอนเซอร์น่าจะต้องคำนึงถึง รีเทิร์นออฟอินเวสท์เม้นท์ด้วยว่าเป็นอย่างไร หรือมองในแง่ของความคุ้มค่าความเหมาะสม ถ้าหากมันมีความชัดเจนก็จะสร้างผลดีกับยอดขายและแบรนด์ด้วย ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่า เอาโลโก้ไปแปะไว้เท่านั้น มันไม่ได้ช่วยสร้างอะไรเลย ตัวอย่างที่ดีเช่น มือถือของค่ายดีแทค ที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์ในโรงหนังก่อนการฉายหนัง เพื่อเตือนให้คนดูปิดโทรศัพท์มือถือก่อนหนังเริ่มฉายโดยทำเลียนแบบหนังเรื่องชิกเก้นลิตเติ้ล ซึ่งถือว่าได้ภาพลักษณ์ดีไปด้วย หรือ หนังที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิเล่นคู่กับพอลล่า เทเลอร์ ก็มีฉากหนึ่งที่นำเอามาทำเป็น การเตือนให้ปิดมือถือในโรงหนังเหมือนกัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า มีสินค้าบางตัว เช่น บุหรี่หรือ สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทั้งหลายที่ทำไทอินในหนัง แต่เมื่อหนังออกฉาย ก็มักจะถูกเซ็นเซอร์ภาพที่บ่งบอกถึงการบริโภคสินค้าแหล่านั้นหรือแม้แต่ชื่อก็เซ็นเซอร์หมด อาจจะเป็นไปได้ว่า อนาคตสินค้าประเภทนี้จะเลิกการเป็นไทอินก็ได้

นางจีน่า โอสถศิลป์ ผู้บริหาร บริษัท จีทีอช จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางบริษัทฯจะยุติการฉายภาพยนตร์เรื่อง หมากเตะโลกตะลึง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเดิมกำหนดลงโรงฉายวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ แม้ว่าบริษัทฯจะมีเจตนาดีในการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างความฮึกเหิมให้กับคนในเอเชียหันมาพัฒนากีฬากันมากขึ้นก็ตาม แต่เมื่อกลายเป็นปัญหาขึ้นมาก็ต้องยอมรับ

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยอมรับว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้ลงโรงจะส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทฯปีนี้แน่นอน เนื่องจากตั้งเป้าหมายรายได้เรื่องนี้ไว้มากกว่า 50-60 ล้านบาท จากการลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท และเป็นเรื่องที่สองตามโปรแกรมหนังของบริษัทฯหลังจากเรื่องแรกของปีนี้คือ เรื่อง เด็กหอ ออกฉายแล้วรายได้กว่า 50 ล้านบาท

ทางแก้ไขหลังจากนี้บริษัทฯจะต้องพยายามโหมหนักกับภาพยนตร์ที่เหลือฉายในช่วงหลังจากนี้มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้มาทดแทนเรื่องนี้ โดยจากเดิมกำหนดรายได้ขั้นต่ำแต่ละเรื่องจะต้องมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยเรื่องที่จะฉายล่าสุดคือ แก๊งชะนีกับอีแอบ เข้าฉาย วันที่ 13 กรกฎาคม, โกยเถอะโยม , เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และ เก๋า

ส่วนที่อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดกล้องถ่ายทำมี ประมาณ 3 เรื่องคือ “สายลับจับชู้” สร้างโดย จีทีเอช และ ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น, “แฝด”สร้างโดย จีทีเอช , เดคดิเคท และ ฟีโนมีนา โมชั่น พิคเจอร์ส , “บอดี้..ศพจองเวร” สร้างโดย จีทีเอช

ก่อนหน้านี้ นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีทีเอช จำกัด ได้กล่าวไว้ว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโรงภาพยนตร์ 60% รายได้จากการขายสิทธิ์วีซีดี/ดีวีดี 20% รายได้จากการขายสายหนัง 15% และอื่นๆอีก 5% โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีแชร์ตลาดประมาณ 30% จากเดิมปี 2547 ที่มีแชร์ประมาณ 39% เนื่องจากมีหนังที่รับจัดจำหน่ายด้วย และปีที่แล้วเหลือแชร์เพียง 11.7%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us