ครม.เห็นชอบปรับลดภาษีรถยนต์ติดเอ็นจีวีจาก 30% เหลือ 22% แต่ไม่เกินคันละ 5 หมื่นล้าน เผยเป็นมาตรการชั่วคราว กำหนดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือนเพื่อให้เอกชนปรับตัว คาดจะมีรถยนต์ติดตั้งเอ็นจีวีเพิ่มปีละ 18,000 คัน ลดการนำเข้าน้ำมันปีละ 760 ล้าน และเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 1,000 ล้าน
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(16 พ.ค.) ได้มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีจากต่างโรงงาน(retrofit) และมีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี จากเดิมจัดเก็บอัตรา 30% เหลือ 22% แต่ต้องไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน โดยมาตรการดังกล่าวจะมีอายุ 2 ปี 6 เดือน เพื่อให้ภาคเอกชนปรับเปลี่ยนสายการการผลิตได้ทันเวลา ซึ่งมาตรการนี้กระทรวงการคลังจะออกเป็นประกาศกระทรวงต่อไป
“รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิตามมาตรการนี้ จะต้องเป็นรถที่ทางโรงงานผู้ผลิตไปผู้นำไปติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีเอง ไม่ใช่เจ้าของรถนำไปติดตั้งเครื่องยนต์เอง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ผู้ผลิตรับรองคุณภาพของรถที่ออกมาว่ามีความปลอดภัย” นายทนงกล่าว
สำหรับสาเหตุที่มีการปรับระยะเวลาของมาตรการเพิ่มขึ้น เนื่องจากทางภาครัฐได้รับทราบข้อมูลจากทางผู้ประกอบการว่า ระยะเวลาเพียง 2ปีนั้นไม่เพียงพอต่อการปรับเปลี่ยนสายงานผลิตได้ทัน ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงเห็นว่าควรปรับเวลาเพิ่มขึ้นอีก 6 เดือนหรือครึ่งปี ซึ่งหากว่าผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีจากโรงงานได้ ก็สามารถรับสิทธิประโยชน์จากอัตราภาษีสำหรับรถยนต์นั่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจัดเก็บเพียง 20% เท่านั้นได้
นายทนง กล่าวว่า การนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ในครั้งนี้คาดว่าจะมีรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 18,000 คันต่อปี จะสามารถลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณปีละ 760 ล้านบาท
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้การใช้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยมาตรการนี้ได้ผ่านการหารือร่วมกันแล้วระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน ซึ่งถือเป็นมาตรการชั่วคราวในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่จะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการใช้รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติจากผู้ผลิตโดยตรง
ด้านนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 10 คน ความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ลบ.ซม. เพื่อนำไปติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีนอกโรงงาน โดยได้รับการค้ำประกันคุณภาพจากผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งจะยกเว้นภาษีเท่ากับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงค่ารับประกันจากผู้ผลิตรถยนต์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการผลิตที่เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาจากผู้ผลิตโดยตรง จึงเห็นควรให้เป็นมาตรการชั่วคราวระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน เพื่อต้องการส่งเสริมให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำการผลิตเครื่องยนต์เอ็นจีวีในสายการผลิตของผู้ประกอบการโดยตรง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติครม.ในเดือนกรกฎาคม 2547 ที่อนุมัติลดภาษีให้แก่รถยนต์ที่ต้องการติดตั้งเอ็นจีวีภายในโรงงานโดยลดภาษีให้จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20 และคาดว่ามาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากภาษีปีละ 1,000 ล้านบาท
|