Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 พฤษภาคม 2549
คลังเฉือนพันล้านลดภาษีรถติดNGVกำหนด2ปีครึ่งลดนำเข้าน้ำมัน760ล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
Auditor and Taxation
Vehicle




ครม.เห็นชอบปรับลดภาษีรถยนต์ติดเอ็นจีวีจาก 30% เหลือ 22% แต่ไม่เกินคันละ 5 หมื่นล้าน เผยเป็นมาตรการชั่วคราว กำหนดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือนเพื่อให้เอกชนปรับตัว คาดจะมีรถยนต์ติดตั้งเอ็นจีวีเพิ่มปีละ 18,000 คัน ลดการนำเข้าน้ำมันปีละ 760 ล้าน และเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีปีละ 1,000 ล้าน

นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(16 พ.ค.) ได้มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีจากต่างโรงงาน(retrofit) และมีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี จากเดิมจัดเก็บอัตรา 30% เหลือ 22% แต่ต้องไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน โดยมาตรการดังกล่าวจะมีอายุ 2 ปี 6 เดือน เพื่อให้ภาคเอกชนปรับเปลี่ยนสายการการผลิตได้ทันเวลา ซึ่งมาตรการนี้กระทรวงการคลังจะออกเป็นประกาศกระทรวงต่อไป

“รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิตามมาตรการนี้ จะต้องเป็นรถที่ทางโรงงานผู้ผลิตไปผู้นำไปติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีเอง ไม่ใช่เจ้าของรถนำไปติดตั้งเครื่องยนต์เอง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ผู้ผลิตรับรองคุณภาพของรถที่ออกมาว่ามีความปลอดภัย” นายทนงกล่าว

สำหรับสาเหตุที่มีการปรับระยะเวลาของมาตรการเพิ่มขึ้น เนื่องจากทางภาครัฐได้รับทราบข้อมูลจากทางผู้ประกอบการว่า ระยะเวลาเพียง 2ปีนั้นไม่เพียงพอต่อการปรับเปลี่ยนสายงานผลิตได้ทัน ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงเห็นว่าควรปรับเวลาเพิ่มขึ้นอีก 6 เดือนหรือครึ่งปี ซึ่งหากว่าผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เอ็นจีวีจากโรงงานได้ ก็สามารถรับสิทธิประโยชน์จากอัตราภาษีสำหรับรถยนต์นั่งที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจัดเก็บเพียง 20% เท่านั้นได้

นายทนง กล่าวว่า การนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ในครั้งนี้คาดว่าจะมีรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 18,000 คันต่อปี จะสามารถลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณปีละ 760 ล้านบาท

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้การใช้พลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติที่มีความสำคัญเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายจะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยมาตรการนี้ได้ผ่านการหารือร่วมกันแล้วระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน ซึ่งถือเป็นมาตรการชั่วคราวในระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่จะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการใช้รถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติจากผู้ผลิตโดยตรง

ด้านนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 10 คน ความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ลบ.ซม. เพื่อนำไปติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีนอกโรงงาน โดยได้รับการค้ำประกันคุณภาพจากผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งจะยกเว้นภาษีเท่ากับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงค่ารับประกันจากผู้ผลิตรถยนต์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการผลิตที่เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาจากผู้ผลิตโดยตรง จึงเห็นควรให้เป็นมาตรการชั่วคราวระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน เพื่อต้องการส่งเสริมให้ผู้ผลิตรถยนต์ทำการผลิตเครื่องยนต์เอ็นจีวีในสายการผลิตของผู้ประกอบการโดยตรง ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติครม.ในเดือนกรกฎาคม 2547 ที่อนุมัติลดภาษีให้แก่รถยนต์ที่ต้องการติดตั้งเอ็นจีวีภายในโรงงานโดยลดภาษีให้จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20 และคาดว่ามาตรการยกเว้นภาษีดังกล่าว จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากภาษีปีละ 1,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us