เอ.ไอ.เอ. เข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 58 ปีที่แล้ว ถือเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการประกันชีวิตบ้านเรา
ขณะนี้ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดได้สูงสุดถึง 50%
แต่การยกทีมลาออกของพนักงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจนัก
ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางผู้บริหารต้องเร่งแก้ไข
เหตุการณ์ล่าสุดจากการลาออกของกฤษณะ กฤตมโนรถ และลูกทีมซึ่งในชั้นแรกมีข่าวว่ามีตัวแทนขายประกันย้ายตามไปอยู่ด้วยถึง
2,000 คนนั้น ด้านผู้บริหารของ เอ.ไอ.เอ. ก็ออกมาสกัดข่าวด้วยตัวเลขพนักงานที่ลาออกไปจำนวนร้อยกว่าคนเท่านั้น
ซึ่งก็ยังเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนนัก เพราะไม่มีการพูดถึงตัวเลขของตัวแทนขายประกันแต่ประการใด
และกลยุทธ์ที่นำออกมาพร้อม ๆ กัน คือ การประกาศจะปรับฐานเงินเดือน และผลตอบแทนเพื่อรั้งให้
'มือขายระดับท็อป' ยังอยู่กับ เอ.ไอ.เอ. ต่อไป ซึ่งคงจะได้ผลอยู่บ้าง หลังจากนั้นจะมีการปรับปรุงในส่วนตัวแทนขายและประกาศจะเพิ่มตัวแทนขายให้ได้เดือนละไม่ต่ำกว่า
800 คน
กฤษณะไม่ใช่คนแรก
มือดีที่ผละจากอ้อมกอดของ เอ.ไอ.เอ. ออกมาก่อนหน้าก็ใช่ว่าจะไม่มี เมื่อปี
2533 บุญส่ง วงศ์ลาภพาณิช เคยดูแลงานภาคเหนือของ เอ.ไอ.เอ. แล้วย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ไลฟ์ประกันชีวิตในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายขาย
การย้ายครั้งนี้ทำให้เกิดการย้ายตามของตัวแทนขายประจำภาคเหนือและภาคกลางรวมทั้งหมด
7 เขต ครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด เมื่อเข้าไปร่วมงานที่อินเตอร์ไลฟ์ตัวแทนเหล่านี้สามารถระดมเบี้ยประกันชีวิตโดยเฉพาะการเสนอขายกรมธรรม์สามัญ
ซึ่งเป็นแบบอย่างที่มาจาก เอ.ไอ.เอ. ส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตประเภทสามัญของอินเตอร์ไลฟ์เพิ่มขึ้นเกือบ
100%
ค่าคอมฯ ปีแรกสูงถึง 55%
แม้ว่าตัวแทนและส่วนแบ่งตลาดจะทยอยหาย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังยืนยันถึงความเป็นยักษ์ใหญ่ของ
เอ.ไอ.เอ. ก็คือ ผลตอบแทนหรือค่าคอมมิชชั่นที่ให้กับตัวแทนประกัน ซึ่งการจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงต่ำต่างกันไปนั้น
ย่อมแสดงถึงฐานะของบริษัทด้วย ที่เป็นอยู่ในขณะนี้บริษัทประกันชีวิตต่างจ่ายค่าคอมมิชชั่นปีแรกอยู่ในช่วง
25-55% ของเบี้ยประกันทั้งหมด
เอ.ไอ.เอ. เป็นบริษัทหนึ่งที่ยอมให้ค่าคอมมิชชั่นสูงสุดขนาดนั้น คือ กรมธรรม์สะสมทรัพย์อายุครบ
60 ปี แบบมีเงินปันผล ซึ่งมีค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 55% ของเบี้ยประกันทั้งหมดในปีแรก
โดยในปีที่ 2 ให้ 15% ปีที่ 3-6 ให้ 5% และตั้งแต่ปีที่ 7 จนครบกำหนดสัญญากรมธรรม์
ตัวแทนจะได้รับค่าคอมฯ 3%
การจ่ายค่าคอมมิชชั่นที่สูงนี้ถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ เอ.ไอ.เอ.
แตกต่างจากบริษัทประกันชีวิตอื่น ๆ เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นยังเป็นหัวใจหลักในอันที่จะจูงใจให้ตัวแทนทำยอดขายให้ได้มากขึ้น
และบริษัทที่จะทำได้นั้นต้องมีฐานทางการเงินที่เข้มแข็งพอสมควร
