ในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูหลายคนอาจจะไม่เคยนึกถึงการวางแผนการเงินสำหรับอนาคต
เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว การซื้อขายหุ้นหรือ ที่ดินก็สามารถทำกำไรได้มากมาย
จนมีรายได้ไม่ขาดมือ แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในอดีตจะ
ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่ถ้าหากจะมีความเป็นอยู่ที่ดีจะต้องรู้จักวางแผนการลงทุนให้ดี
และเริ่มลงทุนนับตั้งแต่วันนี้
บทวิจัยของบลจ.ทิสโก้ พบว่าปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ย ประมาณ 70 ปี ดังนั้น
ถ้าสมมติว่าเริ่มเก็บเงินเมื่ออายุ 30 ปี และ ทยอยไถ่ถอนหลังเกษียณอายุ และใช้เงินดังกล่าวหมดพอดีเมื่ออายุ
70 ปี ก็จะมีเวลาลงทุนในตลาดทุนหรือตลาดเงินได้นานถึง 40 ปี แม้แต่คนที่เริ่มเก็บเงินไว้ใช้
เพื่อสำรองเลี้ยงชีพอย่างน้อย 10 ปี ดังนั้น การลงทุนระยะยาวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป
บทวิจัย บลจ.ทิสโก้อธิบายว่า การออมเงิน เพื่อการศึกษา เป็นการลงทุน ที่คุ้มค่าสำหรับคนที่คิดจะส่งลูกไปศึกษาต่างประเทศ
เช่น อเมริกาค่าเล่าเรียนเฉลี่ยตลอด 4 ปีในระดับปริญญาตรีอาจจะสูงถึง 65,000
เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.3 ล้านบาท
ค่าเล่าเรียนดังกล่าวมีทีท่าว่าจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปีโดยเฉลี่ยปีละ 5% แต่หากวางแผนตั้งแต่วันนี้โดยสมมติว่าได้รับผลตอบ
แทนการลงทุน 10% ต่อปี และลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพียงเดือนละ 9,200 บาท ภายในเวลา
18 ปีจะมีเงินเก็บมูลค่าสูงถึง 5.6 ล้านบาท การคำนวณมูลค่าเงินลงทุน หากจะออมเงินเดือนละ
20,000 บาท สมมติว่าได้รับผลตอบแทนการลงทุน 10% ต่อปี ระยะเวลา ลงทุน 5 ปี
มูลค่าเงินออมในแต่ละเดือนเท่ากับทวีคูณของ 10,000 ดังนั้น สิ้นปีที่ห้า
มูลค่าเงินลงทุนในอนาคตจะเท่ากับ 1.56 ล้านบาท
ปัจจุบัน หากมีค่าใช้จ่ายในการครองชีพปีละ 120,000 บาท ในอีก 20 ปีข้างหน้าถ้าเงินเฟ้อปีละ
5% ค่าครองชีพจะเพิ่มเป็นปีละ 318,000 บาททีเดียว และถ้าออมเงินก้อนใหญ่หลังเกษียณ
โดยได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 10% ต่อปี และมีความจำเป็นต้องทยอยถอนเงินมาใช้ในอัตรา
15% ทุกปี ภายใน 11 ปี เงิน ที่ออมไว้จะถูกไถ่ถอนออกมาใช้จนหมด
นอกจากนี้บทวิจัย บลจ.ทิสโก้ยังอธิบายว่า การลงทุน ในหุ้นจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก
และเหมาะกับการลงทุนระยะยาว ซึ่งจากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
ช่วงระหว่างปี 2518-2541 พบว่าหาก ผู้ลงทุนเลือกลงทุนระยะยาวในหุ้นโดยเริ่มลงทุนในต้นปีใด
ปีหนึ่ง และถือหุ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลาคราวละ 10 ปี ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทน
ที่สูงถึง 28.75% ต่อปี และมีโอกาสเพียง 7% ที่ผู้ลงทุนจะขาดทุนจากการลงทุน
การลงทุนในหุ้นในระยะสั้นลง เช่น คราวละ 5 ปีหรือ คราวละปี แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน
ที่สูงกว่า แต่ก็มีโอกาสขาดทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน