ยอดขายรถเดือนเมษายนตก 19.45 %เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา งานนี้โดนทั้งรถเก๋ง-รถกระบะ ส่วนรถหรูหราไม่ต้องพูดถึงโซเซกันถ้วนหน้า สาเหตุคงหนีไม่พ้นพิษของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเช่นกัน และการเมืองที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคเบรกการใช้เงิน โดยเฉพาะการซื้อรถใหม่ งานนี้ค่ายรถยอมรับยอดที่หดลงแต่ยังมั่นใจหลังการเมืองเข้าที่เข้าทางยอดขายจะฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รายงานยอดขายรถในเดือนเมษายนที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 53,249 คัน ลดลง 19.45 % จากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่สำคัญยอดขายที่ลดลงนั้นมีทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง แน่นอนสาเหตุที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายด้านการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติและดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ขณะเดียวราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน และหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ย่อมส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในเดือนต่อไปลดลงอีกอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะตลาดรถกระบะถือเป็นตลาดใหญ่สุด มีส่วนแบ่งการตลาดรถถึง 60-70 %ของตลาดรวม ที่สำคัญมียอดขายที่เติบโตขึ้นทุกเดือนไม่มีตก แต่สำหรับเดือนเมษายนยอดขายกลับตกลง โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่างอีซูซุ โตโยต้า ต่างมียอดขายลดลงกันถ้วนหน้า เริ่มจากค่ายอีซูซุมียอดขายแค่ 12,700 คัน (มี.ค.ขายได้ 16,430) โตโยต้า 10,009 คัน (มี.ค. ขายได้ 13,948 ) มิตซูบิชิ 2,091 คัน (มี.ค. ขายได้ 4,093) นิสสัน 1,943 คัน (มี.ค. ขายได้ 2,829)
ส่วนค่ายรถที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมีอยู่ 3 ค่าย แต่ก็เป็นการเพิ่มเพียงน้อยนิด คือ ฟอร์ด มาสด้า เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวรถกระบะใหม่ไปเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ และมาสด้า บีที-50 จึงยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอยู่ โดยค่ายแรกขายได้ 1,023 คัน (มี.ค. ขายได้ 965 ) มาสด้า 1,162 คัน (มี.ค. ขายได้ 380 )และอีกค่ายหนึ่งที่มียอดขายไม่ตกคือเชฟโรเลตมียอดขาย 2,733 คัน (มี.ค. ขายได้ 2,640 )
เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งยอดขายก็ตกลงเช่นกันโดยเฉพาะโตโยต้าตกถึง 21 %หากเทียบกับเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา สำหรับเดือนเมษายน ขายได้ 7,331 คัน ( มี.ค.ขายได้ 9,291) ส่วนฮอนด้านั้นมียอดขายตกลงเล็กน้อยขายได้ 5,964 คัน (มี.ค. ขายได้ 5,970) และนิสสันเป็นอีกค่ายหนึ่งที่มียอดขายตกมากถึง 57 % เดือนเมษายน ขายได้ 256 คัน (มี.ค. ขายได้ 604 ) อย่างไรก็ตามค่ายโตโยต้าและฮอนด้า ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พอจะกระตุ้นยอดขายได้บ้างอย่าง ฮอนด้า ซีวิค และโตโยต้า ยาริส เพราะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ส่วนค่ายนิสสันก็เตรียมเปิดตัว นิสสัน เทียน่า ไมเนอร์เชนจ์ ในวันที่ 18 พฤษภาคม นี้ หลังจากนั้นก็ถึงคิวของ นิสสัน ทีด้า รถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่นิสสัน ซันนี่ ซึ่งข่าวแววมาว่าจะเปิดตัวปลายเดือนหน้า
หากหันกลับมามองยอดขายรวมทุกยี่ห้อในเดือนเมษายนเทียบกับเดือนมีนาคมปรากฎว่ามียอดขายตกลง 10 % นั่นหมายความว่า เดือนเมษายน มียอดขาย 16,066 คัน ขณะที่เดือนมีนาคมมียอดขายทั้งสิ้น 18,012 คัน แต่ถ้านำตัวเลขยอดขายทั้ง 4 เดือนของปีนี้เทียบกับ 4 เดือนของปีที่ผ่านมา กลับเพิ่มขึ้น 3.8% (ม.ค.- เม.ย. 2548 ขายได้ 58,460 คัน ส่วน ม.ค.-เม.ย. 2549 ขายได้ 60,731 คัน)
สำหรับยอดขายรวมรถทุกประเภทมีอัตราการเติบโตเพียงน้อยนิดคือแค่ 0.38 % หรือมียอดขาย 223,257 คัน และค่ายที่มียอดขายสูงสุดคือโตโยต้า 86,103 คัน ตก 2.83% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 88,614 คัน) ครองส่วนแบ่งตลาด 38.57 % อีซูซุเป็นอันดับสอง 61,275 คัน โต 7.09% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 57,216 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 27.45 % ด้านฮอนด้าเป็นอันดับสาม 21,976 คัน โต 41.35% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 15,547 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 9.84% ขณะที่อันดับสี่เป็น มิตซูบิชิ 13,690 คัน ตก 7.19% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 14,750 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 6.13% และอันดับห้านิสสัน 12,088 คัน ตก13.52% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 13,978 คัน) ส่วนแบ่งการตลาด 5.41%
ขณะเดียวกันตลาดรถยนต์นั่งของค่ายยุโรปหรือรถหรูหรา นั้นคงไม่ต้องพูดถึงต่างได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย และการเมือง ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าดังกล่าวแม้จะมีเงินอยู่ในกระเป๋าและพร้อมที่จะใช้ได้ทันทีแต่เมื่อสถาการณ์รอบตัวยังสับสนวุ่นวาย ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้เบรกการใช้เงินดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตัวเลขยอดขายรถกลุ่มนี้จะลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง ค่ายรถต่างก็ยังมั่นใจว่าตลาดรถยนต์จะหลับมาคึกคักอีกครึ่งหนึ่ง และยังมีอัตราการขยายตัวในเชิงบวกตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะตัวเลขยอดขายใน4 เดือนแรกของปีนี้ยังมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นตัวเลขที่ประมาณการขายของปีนี้จะเพิ่มจากปีก่อนประมาณ 5 % หรือ 735,000 คัน นั้นยังมีความเป็นไปได้สูง โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ยังเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีความสำคัญเช่นเดิม และยิ่งขณะนี้ค่ายรถเล็กอย่างฟอร์ด – มาสด้า เริ่มโหมบุกตลาดอย่างจริงจังทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ย่อมส่งผลให้ยอดขายในเดือนนี้และเดือนถัดไปกลับมามีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
|