Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 พฤษภาคม 2549
ยอดขายรถเดือนพ.ค.ตกฮวบ20%การเมือง-น้ำมัน-ดอกเบี้ยพ่นพิษ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตรีเพชรอีซูซุเซลส์

   
search resources

ตรีเพชรอีซูซุเซลส์, บจก. - TPIS
Automotive




ยอดขายรถเดือนเมษายนตก 19.45 %เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา งานนี้โดนทั้งรถเก๋ง-รถกระบะ ส่วนรถหรูหราไม่ต้องพูดถึงโซเซกันถ้วนหน้า สาเหตุคงหนีไม่พ้นพิษของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเช่นกัน และการเมืองที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคเบรกการใช้เงิน โดยเฉพาะการซื้อรถใหม่ งานนี้ค่ายรถยอมรับยอดที่หดลงแต่ยังมั่นใจหลังการเมืองเข้าที่เข้าทางยอดขายจะฟื้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รายงานยอดขายรถในเดือนเมษายนที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 53,249 คัน ลดลง 19.45 % จากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่สำคัญยอดขายที่ลดลงนั้นมีทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง แน่นอนสาเหตุที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายด้านการเมืองที่ยังไม่มีข้อยุติและดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ขณะเดียวราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน และหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ย่อมส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในเดือนต่อไปลดลงอีกอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะตลาดรถกระบะถือเป็นตลาดใหญ่สุด มีส่วนแบ่งการตลาดรถถึง 60-70 %ของตลาดรวม ที่สำคัญมียอดขายที่เติบโตขึ้นทุกเดือนไม่มีตก แต่สำหรับเดือนเมษายนยอดขายกลับตกลง โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่างอีซูซุ โตโยต้า ต่างมียอดขายลดลงกันถ้วนหน้า เริ่มจากค่ายอีซูซุมียอดขายแค่ 12,700 คัน (มี.ค.ขายได้ 16,430) โตโยต้า 10,009 คัน (มี.ค. ขายได้ 13,948 ) มิตซูบิชิ 2,091 คัน (มี.ค. ขายได้ 4,093) นิสสัน 1,943 คัน (มี.ค. ขายได้ 2,829)

ส่วนค่ายรถที่มียอดขายเพิ่มขึ้นมีอยู่ 3 ค่าย แต่ก็เป็นการเพิ่มเพียงน้อยนิด คือ ฟอร์ด มาสด้า เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวรถกระบะใหม่ไปเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ และมาสด้า บีที-50 จึงยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอยู่ โดยค่ายแรกขายได้ 1,023 คัน (มี.ค. ขายได้ 965 ) มาสด้า 1,162 คัน (มี.ค. ขายได้ 380 )และอีกค่ายหนึ่งที่มียอดขายไม่ตกคือเชฟโรเลตมียอดขาย 2,733 คัน (มี.ค. ขายได้ 2,640 )

เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งยอดขายก็ตกลงเช่นกันโดยเฉพาะโตโยต้าตกถึง 21 %หากเทียบกับเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา สำหรับเดือนเมษายน ขายได้ 7,331 คัน ( มี.ค.ขายได้ 9,291) ส่วนฮอนด้านั้นมียอดขายตกลงเล็กน้อยขายได้ 5,964 คัน (มี.ค. ขายได้ 5,970) และนิสสันเป็นอีกค่ายหนึ่งที่มียอดขายตกมากถึง 57 % เดือนเมษายน ขายได้ 256 คัน (มี.ค. ขายได้ 604 ) อย่างไรก็ตามค่ายโตโยต้าและฮอนด้า ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พอจะกระตุ้นยอดขายได้บ้างอย่าง ฮอนด้า ซีวิค และโตโยต้า ยาริส เพราะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ส่วนค่ายนิสสันก็เตรียมเปิดตัว นิสสัน เทียน่า ไมเนอร์เชนจ์ ในวันที่ 18 พฤษภาคม นี้ หลังจากนั้นก็ถึงคิวของ นิสสัน ทีด้า รถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่นิสสัน ซันนี่ ซึ่งข่าวแววมาว่าจะเปิดตัวปลายเดือนหน้า

หากหันกลับมามองยอดขายรวมทุกยี่ห้อในเดือนเมษายนเทียบกับเดือนมีนาคมปรากฎว่ามียอดขายตกลง 10 % นั่นหมายความว่า เดือนเมษายน มียอดขาย 16,066 คัน ขณะที่เดือนมีนาคมมียอดขายทั้งสิ้น 18,012 คัน แต่ถ้านำตัวเลขยอดขายทั้ง 4 เดือนของปีนี้เทียบกับ 4 เดือนของปีที่ผ่านมา กลับเพิ่มขึ้น 3.8% (ม.ค.- เม.ย. 2548 ขายได้ 58,460 คัน ส่วน ม.ค.-เม.ย. 2549 ขายได้ 60,731 คัน)

สำหรับยอดขายรวมรถทุกประเภทมีอัตราการเติบโตเพียงน้อยนิดคือแค่ 0.38 % หรือมียอดขาย 223,257 คัน และค่ายที่มียอดขายสูงสุดคือโตโยต้า 86,103 คัน ตก 2.83% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 88,614 คัน) ครองส่วนแบ่งตลาด 38.57 % อีซูซุเป็นอันดับสอง 61,275 คัน โต 7.09% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 57,216 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 27.45 % ด้านฮอนด้าเป็นอันดับสาม 21,976 คัน โต 41.35% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 15,547 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 9.84% ขณะที่อันดับสี่เป็น มิตซูบิชิ 13,690 คัน ตก 7.19% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 14,750 คัน) ส่วนแบ่งตลาด 6.13% และอันดับห้านิสสัน 12,088 คัน ตก13.52% (ม.ค.-เม.ย. 2548 ขายได้ 13,978 คัน) ส่วนแบ่งการตลาด 5.41%

ขณะเดียวกันตลาดรถยนต์นั่งของค่ายยุโรปหรือรถหรูหรา นั้นคงไม่ต้องพูดถึงต่างได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย และการเมือง ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าดังกล่าวแม้จะมีเงินอยู่ในกระเป๋าและพร้อมที่จะใช้ได้ทันทีแต่เมื่อสถาการณ์รอบตัวยังสับสนวุ่นวาย ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้เบรกการใช้เงินดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตัวเลขยอดขายรถกลุ่มนี้จะลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์การเมืองยังไม่นิ่ง ค่ายรถต่างก็ยังมั่นใจว่าตลาดรถยนต์จะหลับมาคึกคักอีกครึ่งหนึ่ง และยังมีอัตราการขยายตัวในเชิงบวกตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะตัวเลขยอดขายใน4 เดือนแรกของปีนี้ยังมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นตัวเลขที่ประมาณการขายของปีนี้จะเพิ่มจากปีก่อนประมาณ 5 % หรือ 735,000 คัน นั้นยังมีความเป็นไปได้สูง โดยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ยังเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีความสำคัญเช่นเดิม และยิ่งขณะนี้ค่ายรถเล็กอย่างฟอร์ด – มาสด้า เริ่มโหมบุกตลาดอย่างจริงจังทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ย่อมส่งผลให้ยอดขายในเดือนนี้และเดือนถัดไปกลับมามีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us