Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 พฤษภาคม 2549
“ช้างดาว”สบช่องเบียด“แอดด้า-กีโต้”ชูจุดแข็งรองเท้าฟองน้ำพรีเมียมราคาต่ำ             
 


   
search resources

Marketing
Shoes and Foot wears
นันยางอุตสาหกรรม, บจก.




“นันยาง” ชี้ตลาดรองเท้าฟองน้ำรับอานิสงส์เศรษฐกิจชะลอ-กำลังซื้อหด “ช้างดาว” ขาขึ้น ชูราคาถูกกว่า 50-70 บาทล่อใจภูธร แถมจี้จุดอ่อนดีไซน์มาไวไปไว ถล่มรองเท้าแตะแฟชั่นแอดด้า-กีโต้ สิ้นปีตั้งเป้ารายได้พุ่ง 5-10%

นายวงศกร โชติวิบูลธนวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตรานันยาง เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรองเท้าฟองน้ำปีนี้มีโอกาสที่จะมีอัตราการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังการซื้อของคนที่ลดลง ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภค หันมาเลือกซื้อรองเท้าฟองน้ำที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา ใส่ได้นาน โดยมีราคาตั้งแต่ 20-60 บาท มากกว่ารองเท้าแฟชั่น อาทิ แอดด้า และกีโต้ ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป

สำหรับการทำตลาดรองเท้าฟองน้ำ “นันยาง ช้างดาว” วางตำแหน่งตลาดเป็นรองเท้าฟองน้ำระดับพรีเมียมราคาตั้งแต่ 50-60 บาทขึ้นไป ซึ่งสัดส่วนตลาดมีราว 30% จากตลาดรวม ส่วนตลาดรองเท้าระดับล่าง ราคาไม่เกิน 20-25 บาท เป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีสัดส่วน 40% และตลาดกลาง 35-40 บาท มีสัดส่วน 30% โดยรองเท้านันยาง ช้างดาว ชูจุดขายความทนทานทลายกลยุทธ์ราคาและการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบของคู่แข่งกว่า 10 แบรนด์

ขณะที่คู่แข่งรายหลักที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน คือ รองเท้าฟองน้ำ “เข็มทิศ” จำหน่ายราคาถูกกว่าช้างดาวถึง 20 บาท อย่างไรก็ตามในตลาดรองเท้าฟองน้ำบริษัทฯยังใช้ความหลากหลายของสินค้าที่มีอยู่ ประกอบด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ ฟองน้ำหูหนีบ รุ่น 200 รองเท้าฟองน้ำ 4 หู รุ่น 212 (Birdie) รองเท้าฟองน้ำ 8 หู รุ่น 213 รองเท้าฟองน้ำบัตเตอร์ฟลาย รุ่น 222 รองรับความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลาย

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ชูจุดแข็งนันยาง ช้างดาว ด้านการออกแบบร่วมสมัย เรียบง่าย สวมใส่ได้ตลอด และมีการสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น ทลายรองเท้าแฟชั่นที่มีจุดอ่อน คือ อายุรูปแบบรองเท้าสั้นมาไวและไปไว เพื่อสกัดผู้บริโภคหันไปซื้อรองเท้าแฟชั่นใส่ โดยบริษัทฯทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาแมกกาซีน และหนังสือพิมพ์ตอกย้ำตราสินค้าอย่างต่อเนื่องทั้งปี

แนวโน้มการเติบโตรองเท้าฟองน้ำมีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับรองเท้าหูหนีบอัตราการเติบโตคงที่ โดยปัจจุบันตลาดรองเท้าหูหนีบกลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มผู้ชายเป็นหลักในสัดส่วนถึง 70% ที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มผู้หญิง สำหรับปัจจัยการตัดสินใจซื้อรองเท้าฟองน้ำผู้บริโภคจะคำนึงความทนทานเป็นหลัก

สำหรับการจัดจำหน่ายบริษัทฯจะโฟกัสที่ตลาดต่างจังหวัดในสัดส่วนถึง 80% ส่วนกรุงเทพฯเพียง 20% เนื่องจากพฤติกรรมของคนต่างจังหวัดนิยมใส่รองเท้าแตะมากกว่า ทั้งอยู่บ้านและนอกบ้าน เมื่อเทียบกับคนกรุงเทพฯหรือในหัวเมืองใหญ่จะนิยมใส่รองเท้าแฟชั่น โดยบริษัทฯจะเน้นจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย และหน่วยรถของบริษัทฯเอง ขณะที่ช่องทางโมเดิร์นเทรดไม่มีแผนที่จะเข้าไปจำหน่าย

“การขึ้นราคา 2-3% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากราคา 55 บาท เป็น 60 บาท ไม่มีผลต่อยอดขาย เพราะนันยาง ช้างดาวผู้บริโภคมีแบรนด์รอยัลตี้สูงมาก จากการเป็นแบรนด์เก่าแก่อยู่ในตลาดมานานกว่า 50 ปี ปัจจุบันนันยาง ช้างดาว มีฐานลูกค้าเก่าอายุ 40-60 ปี ในสัดส่วน 50% ส่วนฐานลูกค้าใหม่อายุ 20-40 ปี สัดส่วน 50%

สำหรับผลประกอบการรองเท้านันยาง ช้างดาว ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 5-10% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทฯส่วนหนึ่งมาจากรองเท้าฟองน้ำ และส่วนหนึ่งมาจากรองเท้าผ้าใบนันยาง นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นขยายตลาดส่งออกรองเท้าฟองน้ำ-แตะไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ในอินโดนีเซีย เป็นต้น แต่ยังเป็นส่วนที่น้อยมาก ซึ่งตลาดต่างประเทศส่วนมากตัวแทนจำหน่ายจะเป็นผู้ส่งออกไปจำหน่ายเอง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us